มาดูกันว่าคนอเมริกันต้องจ่ายแพงแค่ไหนเพื่อจะมีประกันสุขภาพ
สหรัฐเป็นประเทศร่ำรวยเพียงชาติเดียวที่ยังไม่มีหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ทั้งที่มีโรงพยาบาลที่มีคุณภาพดีติดอันดับโลก ขณะที่ค่ารักษาพยาบาลก็แพงหูฉี่จนหลายคนเอื้อมไม่ถึง
มารีนา โมกิลโก คุณแม่ลูกสองจากรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐทำคลิป TIkTok แชร์รายจ่ายค่าประกันสุขภาพสำหรับสมาชิกทุกคนในครอบครัว 4 คนในทุกๆ เดือนและบริการต่างๆ ที่ได้รับซึ่งมีคนเข้าไปดูแล้วเกือบล้านครั้ง
จากประวัติที่ระบุไว้ในยูทูบ คุณแม่ลูกสองคนนี้ใช้ชื่อใน TikTok ว่า @linguamarina เธอมาจากเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของรัสเซีย ขณะนี้อาศัยอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐกับสามีและลูกๆ อีก 2 คน และเป็นเจ้าของบริษัท LinguaTrip ที่มีลูกค้าอยู่ในย่านซิลิคอนวัลเลย์
ในคลิปโมกิลโกเริ่มต้นด้วยการถามผู้ติดตามกว่า 2.4 ล้านคนว่า “ลองทายซิว่าครอบครัวเรา 4 คนจ่ายค่าประดันสุขภาพเท่าไรในแคลิฟอร์เนีย”
จากนั้นเล่าต่อว่า ครอบครัวเธอเลือกแผนประกันสุขภาพของ Blue Shield of California ซึ่งมีเครือข่ายใหญ่ที่สุดและบรรดาโรงพยาบาลชั้นนำแทบทั้งหมดเป็นโรงพยาบาลคู่สัญญา รวมทั้งคลินิกครอบแก้วและไคโรแพรกติกบางแห่งด้วย
แผนประกันสุขภาพนี้ยังครอบคลุมประกันสุขภาพผู้ป่วยในแบบทั้งหมด คือเธอไม่จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติก่อนที่จะได้เข้าพบผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง โดยต้องจ่ายเงินประมาณ 10 เหรียญสหรัฐต่อการเข้าพบ 1 ครั้ง
มากิลโกเล่าต่อว่า “ประกันนี้ไม่ครอบคลุมการทำฟัน เราจ่าย 787 เหรียญสหรัฐ (26,876 บาท) สำหรับผู้ใหญ่ และ 520 (17,751 บาท) สำหรับเด็กๆ รวมแล้วครอบครัวเรา 4 คนจ่ายเดือนละ 2,614 เหรียญสหรัฐ (89,232 บาท)” ก่อนจะปิดท้ายด้วยการถามบรรดาผู้ติดตามว่าจ่ายค่าประกันสุขภาพกันกี่บาท
และในคลิปก่อนหน้านี้ โมกิลโกเล่าว่า เธอต้องจ่ายเงินค่าคลอดบุตรคนที่สองเองกว่า 2,200 เหรียญสหรัฐ ทั้งที่เป็นการคลอดธรรมชาติและพักอยู่ในโรงพยาบาลเพียง 1 คืนเท่านั้น
ส่วนอีกคลิปหนึ่ง โมกิลโกเล่าว่า แม้ว่าเธอจะมีประกันสุขภาพที่ค่อนข้างดีแต่ยังไม่วายต้องเจอปัญหาเมื่อต้องซื้อยาบางอย่าง “ฉันเป็นไมเกรนและหมอของฉันแนะนำให้ทานยาใหม่ เธอสั่งยาพวกนั้นให้ฉัน และอีกสองสามวันฉันก็ได้รับอีเมลจากบริษัทยาวอลกรีนส์ว่ายาพร้อมแล้ว แต่มีปัญหาบางอย่างเกี่ยวกับประกันของฉัน ดังนั้นฉันต้องจ่ายเงิน 13,296 เหรียญสหรัฐสำหรับยาไมเกรน”
แต่โชคดีที่สามารถเคลียร์ปัญหานี้ได้หลังจากโมกิลโกติดต่อกับหมอประจำตัว คุณแม่ลูกสองจึงแนะนำว่า “โทรหาหมอและแผนกการเงินเสมอถ้าเจอบิลเรียกเก็บเงินก้อนใหญ่ มีโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาด คุณก็คิดเหมือนกันใช่ไหมว่าประกันสุขภาพของสหรัฐต้องโปร่งใสกว่านี้”
ปรากฏว่าผู้คนในหลายๆ ประเทศควักกระเป๋าจ่ายน้อยมากหรือไม่ต้องจ่ายเลย
ผู้ใช้ TikTok จากกรีซ สหราชอาณาจักร และนอร์เวย์บอกว่าพวกเขารักษาฟรี แต่ในคอสตาริกาต้องจ้ายค่าประกันสุขภาพเดือนละ 9% ของเงินเดือน ส่วนในเยอรมนีค่ารักษาพยาบาลขึ้นอยู่กับระดับเงินเดือน
ผู้ใช้ TikTok จากเยอรมนีบอกว่าเดือนที่แล้วจ่ายไปราว 380 ยูโร (13,727 บาท) แต่การคลอดบุตรในเยอรมนีไม่ต้องจ่ายเงิน
ผู้ใช้ TikTok รายหนึ่งคอมเม้นต์ว่า “ที่แคนาดาไม่ต้องจ่ายอะไรเลย” อีกคนหนึ่งบอกว่า “ในนอร์เวย์รักษาฟรี”
Luis Pedro Pereira บอกว่า “ไม่ต้องจ่ายเลย...ผมจ่ายภาษีเงินได้ (ประมาณ 50%) แล้วไม่ต้องจ่ายอะไรอีกเลย...รักษาฟรี เรียนฟรีในเดนมาร์ก”
Marianne Kimura บอกว่า “ที่ญี่ปุ่นเราจ่ายประมาณ 10-20 เหรียญสหรัฐสำหรับการไปหาหมอหรือหมอฟัน 1 ครั้ง ประกันสุขภาพแห่งชาติรับผิดชอบส่วนที่เหลือ”
อีกคอมเม้นต์หนึ่งจากแคนาดาบอกว่า “ที่เคยจ่ายมากที่สุดคือ 30 เหรียญสหรัฐสำหรับยาบางอย่างเพราะลืมบัตรประกันสุขภาพไว้ที่บ้าน แต่ตอนหลังก็ได้เงินคืน”
นอกจากนี้ยังมีการสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้ในเฟซบุ๊ค อาทิ Nocole Wilson บอกว่า “บริการทางสุขภาพที่ดีควรเป็นสิทธิ์ไม่ใช่ความฟุ่มเฟือย โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาสุขภาพที่จำเป็นต้องได้รับยารักษา มันกลายเป็นค่าใช้จ่ายหลักอย่างรวดเร็ว!”
Melanie Barrett บอกว่า “ผู้คนจะจ่ายค่าประกันสุขภาพกันไหวได้ยังไงถ้าไม่ได้ทำงานหรือเกษียณแล้ว ฉันและสามีเราเกษียณแล้วที่สหราชอาณาจักร และมันฟรีทั้งหมดสำหรับเรา แม้แต่การสั่งยา ที่นี่ไม่มีใครต้องเป็นหนี้เพียงเพราะต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลให่ตัวเองหรือครอบครัว”
Kathleen Pirpamer บอกว่า “ดูจากโตรอนโต ฉันไม่ต้องจ่ายค่าประกันหรือต้องมีส่วนร่วมจ่าย (co-payment หรือโคเพย์) ประกันสุขภาพของเรามีจากภาษี ฉันยินดีที่จะจ่ายถ้ามันช่วยคุ้มครองทุกคน”
Gail Thatcher บอกว่า “เรามีระบบประกันสุขภาพที่ถูกทำลายโดยลัทธิทุนนิยมที่อิสรเสรี มารีนาและคนอื่นๆ ต้องจ่ายค่าประกันที่แพงเกินไป แต่ต้องถือว่าพวกเธอโชคดีที่มีเงินจ่าย”
Emelie Jörgensen คอมเม้นต์ว่า “ที่สวีเดนคุณจ่ายภาษี 30-33% และทั้งค่ารักษาพยาบาลและค่าเรียนของพวกเราคือฟรี มหาวิทยาลัยก็ด้วย เด็กๆ ทุกคนจะได้รับอาหารกลางวันทุกวันที่โรงเรียน เรายังมีระบบลาคลอดที่ใจกว้างด้วย และถ้าคุณไม่สบายคุณยังไม่รับเงินชดเชยด้วย ดังนั้นเงินที่เราจ่ายไปจึงคุ้มค่า ไม่มีทางที่คุณจะจ่ายเงินทั้งหมดนั้นได้แม้ว่าคุณจะไม่ได้จ่ายภาษีก็ตาม”
Val Goodridge คอมเม้นต์ว่า “ที่แคนาดาการรักษาครอบคลุมโดยภาษีทั่วไปซึ่งคิดจากรายได้ ไม่มีใครต้องจ่ายโคเพย์ใดๆ ไม่ว่าจะรักษาอะไร คนอเมริกันมักจะพูดบ่อยๆ ว่าคนคานาดาต้องจ่ายภาษีมากกว่าตัวเอง แต่ฉันไม่ต้องจ่ายภาษีเพิ่มอีกเดือนละ 2,000 แน่นอน”
Laura Ladd บอกว่า “หนี้ค่ารักษาพยาบาลเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งที่คนในสหรัฐยื่นฟ้องล้มละลาย ระบบสุขภาพที่เน้นกอบโกยกำไรของเราทำลายชีวิตผู้คนในขณะเดียวกับที่มันปกป้องสุขภาพของพวกเขา”
Yvonne Miller บอกว่า “ประกันสำหรับสุขภาพ ยานพาหนะ บ้าน และแต่ละอย่างนี้ก็ต้องซื้อเพิ่มเติมอีก ถ้าคุณมีประกันสุขภาพ ที่ต้องซื้อเพิ่มคือสายตาและทันตกรรม สำหรับบ้านที่ต้องซื้อเพิ่มคือแผ่นดินไหวหรือน้ำท่วม หลังจากหมดเงินไปกับประกันพวกนี้แล้วผู้คนจะซื้อบ้านกันยังไง????”
Lucy Pasnyk-Scheinman บอกว่า “ปัจจุบันนี้การมีลูกคือความฟุ่มเฟือย ด้วยราคาบ้านที่สูงขึ้น ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ลูกๆ จะกลายเป็นความฟุ่มเฟือย เนื่องจากบรรดาคนที่มั่งคั่งที่สุดในโลกทำเงินจากการขายสินค้าและบริการให้กับพวกเราที่เหลือ ความจริงก็คือพวกเขาต้องการเรามากกว่าที่เราต้องการพวกเขา ประกันสถขภาพกลายเป็นสินค้าที่ซื้อและขายให้กับคนที่ให้ราคาสูงที่สุด...ถ้าไม่มีคุณภาพชีวิตที่ดีก็ไร้ซึ่งชีวิต เรื่องมันก็มีเท่านี้แหละ”
James Schultz บอกว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เราต้องจ่ายแผนประกันสุขภาพปีละกว่า 24K คนโสดอยู่ที่ 12K เราต้องจ่ายมากกว่าประเทศอื่นสองเท่า และเรามีผลลัพธ์ทางสุขภาพแย่ที่สุด นี่เพียงเพราะเรายอมให้เป็นอย่างนั้น คุณต้องขอบคุณ ริชาร์ด นิกสัน สำหรับเรื่องนี้ เขาคือคนที่เปลี่ยนประกันสุขภาพให้เป็นธุรกิจที่สร้างกำไร”
Sarita Bills บอกว่า “ไม่กี่ปีก่อนฉันต้องการใบสั่งยาที่มีค่าใช้จ่าย 1,500 เหรียญสหรัฐสำหรับการรักษา 3 เดือน แต่ประกันไม่ยอมจ่าย ฉันใช้บริการร้านขายยาออนไลน์ของแคนาดาที่สั่งยาเดียวกันนี้ในราคาไม่ถึง 1 ใน 10 (แค่ 130 เหรียญสหรัฐ) สำหรับ 3 เดือน เป็นเรื่องที่บ้ามากที่เราถูกทำร้ายอย่างรุนแรงโดยระบบการแพทย์ของเรา”
Mark Bonafe คอมเม้นต์ว่า “ที่เราจ่ายเยอะก็เพราะว่ารัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้องมากเกินไป กฎเกณฑ์มากเกินไป ไม่เปิดโอกาสให้มีการแข่งขัน และใช่มันมีประเด็นอื่นด้วย ผู้ป่วยไม่เกี่ยวข้องกับการจ่ายเงิน บริษัทประกันมีวิธีมากเกินไปในการควบคุมว่าอะไรควรสั่งจ่ายยาอะไรและทำอะไรได้บ้าง เราจำเป็นต้องยกเครื่องทั้งหมด แต่ถ้าเราเลือกให้มีคนจ่ายเพียงคนเดียว (เช่น รัฐบาล) ปัญหามันจะยิ่งแย่กว่านี้”
Pam Bowling บอกว่า “มันไม่ใช่การประกันสุขภาพ มันคือการประกันการเจ็บป่วย เราไม่ได้มีระบบประกับสุขภาพ แต่มีระบบการดูแลผู้ป่วย สุขภาพของคุณคุณต้องดูแลเอง ไม่ใช่เป็นหน้าที่ของบริษัทประกัน การมีประกัน ‘สุขภาพ’ อาจช่วยไม่ให้คุณล้มละลาย แต่ถ้าสุขภาพคุณไม่ดีก็ยากที่จะทำหรือเป็นอย่างอื่น”
Andrew Lebedev บอกว่า “การรักษาพยาบาลไม่ควรฟรีทั้งหมด แค่ควรขึ้นอยู่กับรายได้ ด้วยวิธีนี้ผู้มีรายได้น้อยจะได้ไม่ต้องเลือกระหว่างการเจ็บป่วยกับการล้มละลาย ในขณะที่ยังคงระลึกได้ว่าการดูแลสุขภาพเป็นทรัพยากรที่หายากที่พวกเขาต้องจ่าย ดังนั้นจึงขจัดสิ่งล่อใจที่จะใช้ระบบในทางที่ผิดโดยการไปพบแพทย์ทุกครั้งที่มีอาการน้ำมูกไหลเพียงเพราะ ‘ฟรี’”
@linguamarina How much do you pay? #healthinsuarance #california #medicalcare ? original sound - YouTuber in Silicon Valley


