posttoday

จากวังสู่ทาวน์เฮาส์ ชีวิตตกระกำลำบากของดัชเชสรัสเซีย

01 ตุลาคม 2564

ชีวิตผลิกผันของแกรนด์ดัชเชสคนสุดท้ายของราชวงศ์โรมานอฟ

แกรนด์ดัชเชสโอลก้า อเล็กซานดรอฟนาแห่งรัสเซีย (Grand Duchess Olga Alexandrovna of Russia) เป็นแกรนด์ดัชเชสคนสุดท้ายของราชวงศ์โรมานอฟ เธอเป็นธิดาคนสุดท้องของจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 3 และเป็นน้องสาวของจักรพรรดินิโคลัสที่ 2

ในวัยเด็กแกรนด์ดัชเชสและพี่น้องของเธออาศัยอยู่ในพระราชวังแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กประมาณ 80 กิโลเมตร พวกเขาได้รับการเรียนหนังสือโดยครูสอนพิเศษส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นวิชาประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ภาษารัสเซีย อังกฤษ และฝรั่งเศส รวมถึงการวาดภาพและเต้นรำ ตลอดจนกีฬาอย่างการขี่ม้า

จากวังสู่ทาวน์เฮาส์ ชีวิตตกระกำลำบากของดัชเชสรัสเซีย แกรนด์ดัชเชสโอลก้าพร้อมด้วยจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 3 (พ่อ), จักรพรรดินีมาเรีย (แม่), จักรพรรดินิโคลัสที่ 2, แกรนด์ดัชเชสเซเนีย, แกรนด์ดยุกจอร์จ และแกรนด์ดยุกไมเคิล (1888) ภาพโดย Sergey Lvovich Levitsky/Wikipedia

โอลก้า และน้องชายคนสุดท้อง แกรนด์ดยุกไมเคิล สนิทกับพ่อมาก และทั้งสามมักไปเดินป่าด้วยกันอยู่บ่อยๆ แต่ในทางตรงกันข้ามความสัมพันธ์ระหว่างเธอและแม่ค่อนข้างห่างเหิน

จนกระทั่งที่ 1894 จักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 3 พ่อของโอลก้าเริ่มป่วยหนักและเสียชีวิตลงเมื่อเธออายุได้เพียง 12 ปีเท่านั้น นับว่าเป็นเรื่องที่สะเทือนใจเด็กน้อยคนนี้เป็นอย่างมาก

เมื่ออายุได้ 18 ปีโอลก้าได้พบกับเจ้าชายปีเตอร์ ดยุกแห่ง โฮเดนเบิร์ก ที่อายุแก่กว่าเธอถึง 14 ปี และเป็นที่ขึ้นชื่อเรื่องการพนัน และชายรักชาย ไม่เคยมีใครเห็นเขาแสดงความสนอกสนใจผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย

ทว่า ในปีถัดมาเขากลับมาขอเธอแต่งงาน ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับเธอ เพื่อนๆ และครอบครัวเป็นอย่างมาก แต่สุดท้ายการแต่งงานของทั้งคู่ก็เกิดขึ้นเพราะความเหมาะสม แม้จะดูเหมือนว่าทั้งคู่ไม่ได้รักกันเลยแม้แต่น้อย

โอลก้าใช้เวลาในคืนวันแต่งงานของเธอคนเดียวทั้งน้ำตา ขณะที่สามีของเธอออกไปเล่นการพนัน และกลับมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอเชื่อว่าปีเตอร์เองก็ไม่ได้ต้องการแต่งงานกับเธอ แต่เป็นแม่ของเขาต่างหากที่บังคับให้เขามาขอเธอแต่งงาน ซึ่งเธอเองก็ยอมเพราะเป็นโอกาสที่จะได้รับอิสรภาพจากแม่ของเธอเอง

ทั้งสองใช้ชีวิตเหมือนเพื่อนไม่ใช่คู่รัก แยกห้องนอนกันด้วยซ้ำ แม้ว่าปีเตอร์จะดีกับเธอมาก แต่เธอโหยหาความรัก ชีวิตครอบครัว และการมีลูก

จนกระทั่ง 3 ปีต่อมา (1904) โอลก้าได้รู้จักกับนิโคไล คูลิคอฟสกี นายทหารคนหนึ่ง ก่อนที่ทั้งคู่จะชอบพอกันและต้องการที่จะแต่งงาน แต่โอลก้าถูกปฏิเสธในการขอหย่ากับปีเตอร์เพราะกลัวว่าจะเป็นข่าวเสียหายต่อราชวงศ์ แต่ได้ให้นิโคไลมาเข้ามาประจำการในฐานะผู้ช่วยของเธอแทน

เรื่องราวผ่านไปจนกระทั่งปี 1916 จักรพรรดินิโคลัสที่ 2 ผู้เป็นพี่ชายประกาศการหย่าของโอลก้าและปีเตอร์ และอนุญาตให้เธอแต่งงานกับนิโคไล งานแต่งงานจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายในโบสถ์เล็กๆ แต่อบอวลไปด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ของทั้งสอง

ไม่นานหลังจากนั้น การปฎิวัติรัสเซียก็เริ่มต้นขึ้นซึ่งได้ทำลายระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่ปกครองโดยจักรพรรดินิโคลัสที่ 2 ถือเป็นจุดจบของราชวงศ์โรมานอฟ และนำไปสู่การก่อตั้งสหภาพโซเวียต

จักรพรรดินิโคลัสที่ 2, พระมเหสีอเล็กซานดรา ฟอโดรอฟนา, พระธิดา 4 พระองค์ คือ โอลกา นิโคเลฟนา, ทาเทียนา นิโคเลฟนา, มาเรีย นิโคเลฟนา, อานาสตาเซีย นีคาไลยีฟนา และพระโอรส คือมกุฏราชกุมารอเล็กซี รวมถึงแพทย์ประจำราชวงศ์ คนทำครัว แม่บ้าน และคนใช้ ถูกบอลเชวิคสังหารหมู่อย่างเลือดเย็น

ครอบครัวของโอลก้าต้องระหกระเหินจนสุดท้ายไปอาศัยอยู่ที่บ้านพักของแม่ในเดนมาร์ก แม้ว่าแม่จะไม่พอใจที่เธอแต่งงานกับสามัญชน

หลังจากที่แม่ของโอลก้าเสียชีวิตลงในปี 1928 เธอและสามีพร้อมด้วยลูกชายอีก 2 คนใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายในฟาร์มแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากโคเปนเฮเกนประมาณ 24 กิโลเมตร

แต่เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง สหภาพโซเวียตได้เข้ายึดครองเกาะบอร์นโฮล์มของเดนมาร์ก พร้อมเขียนจดหมายถึงรัฐบาลเดนมาร์กว่าโอลก้าและบาทหลวงคาทอลิกชาวเดนมาร์กสมรู้ร่วมคิดต่อต้านรัฐบาลโซเวียต

ด้วยความหวาดกลัวว่าจะถูกจับตัวหรือถูกสังหาร โอลก้าจึงตัดสินใจพาครอบครัวย้ายไปในอีกฟากหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติก ไปอยู่ที่ฟาร์มแห่งหนึ่งในชนบทของแคนาดา

ในปี 1952 ลูกๆ ของโอลก้าย้ายออกไปใช้ชีวิตของตัวเอง ส่วนเธอและนิโคไลเริ่มอายุมากและไม่มีกำลังที่จะดูแลฟาร์มแห่งนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นสามีของเธอเริ่มป่วยหนักขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เครื่องประดับมีค่าของเธอบางส่วนก็ถูกขโมย

ท้ายที่สุด พวกเขาตัดสินใจขายฟาร์มแห่งนั้นและย้ายไปอยู่ที่บ้านหลังเล็กๆ ในชานเมืองโตรอนโต ไม่กี่ปีหลังจากนั้น นิโคไลอาการทรุดหนักจนแทบเป็นอัมพาต ขณะที่เงินทองของพวกเขาเริ่มร่อยหรอ โอลก้าต้องขายเครื่องประดับที่เหลืออยู่เพื่อหาเงินรักษาสามี

หลังจากสามีของเธอจากไปในปี 1958 โอลก้าเองก็เริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆ จนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล จากนั้นเธอก็ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ จนต้องมาอาศัยอยู่กับเพื่อนชาวรัสเซียในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในเมืองโตรอนโต ก่อนที่จะเสียชีวิตลงในปี 1960 ด้วยวัย 78 ปี

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเธอจะใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายในบั้นปลายชีวิตด้วยการทำสวนทำไร่ของตัวเอง และซื้อข้าวของเสื้อผ้าราคาถูก แต่ภายหลังมีการตีราคาว่าที่ดินของเธอมีมูลค่ามากกว่า 200,000 ดอลลาร์แคนาดา โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่ของเธอเป็นหุ้นและพันธบัตร ขณะที่ทรัพย์สินทางวัตถุรวมกันได้เพียงไม่กี่ร้อยดอลลาร์เท่านั้น

ข่าวล่าสุด

SCB WEALTH กวาด 6 รางวัลระดับโลก สะท้อนความเป็นเลิศในทุกมิติการบริหารความมั่งคั่ง