posttoday

เป็นคนดังช่างลำบาก(ใจ) Call Out ต้องมาจากใจไม่ใช่บังคับ

18 สิงหาคม 2563

Call Out จะเปลี่ยนสังคมไทยได้หรือไม่ เราเลือกได้

หนึ่งในประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ช่วงที่นักเรียนนักศึกษาพากันออกมาแสดงพลังเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองก็คือ มีการติดแฮชแท็ก #วันนี้ดาราCallOutหรือยัง เพื่อเรียกร้องให้ดารานักแสดงออกมาประกาศจุดยืนทางการเมือง ซึ่งก็มีคนดังตบเท้าออกมามากมาย โดยเฉพาะกลุ่มนักแสดงรุ่นใหม่

แต่ท้ายที่สุดแล้วแฮชแท็กนี้ก็เกิดประเด็นดราม่า เมื่อมีคนตั้งข้อสังเกตว่านักแสดงหญิงคนหนึ่งอาจจะลบคอมเม้นต์ของแฟนคลับที่ขอให้ออกมาร่วมเรียกร้องประชาธิปไตย จึงนำมาสู่การแบนสินค้าที่นักแสดงคนดังกล่าวเป็นพรีเซ็นเตอร์ และเกิดเป็นประเด็นขึ้นมาใหม่ว่าการเรียกร้องให้คนดังออกมา Call Out เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของคนดังหรือไม่ เพราะพวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะพูดหรือไม่พูดก็ได้

Call Out คือ การเรียกร้องให้อีกฝ่ายออกมาแสดงความรับผิดชอบกับคำพูดหรือการกระทำ หรือชี้ให้เห็นถึงความผิดของอีกฝ่าย คำนี้มีความหมายค่อนข้างไปในทางลบ หรือจะพูดง่ายๆ ก็คือการประณาม

อีกคำหนึ่งที่มักจะได้ยินคู่กันก็คือ Cancel Culture หมายถึงการแบนหรือการคว่ำบาตรคนดัง ศิลปิน องค์กร หรือใครก็ตามที่แสดงความคิดเห็น หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ทำให้คนทั่วไปหรือแฟนคลับรู้สึกผิดหวังหรือไม่พอใจในตัวคนคนนั้น

ในสหรัฐการ Call Out มักนำไปใช้กับการประณามคนที่มีพฤติกรรมเหยียดผิวหรือคุกคามทางเพศ อย่างกรณีของ ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน โปรดิวเซอร์ทรงอิทธิพลของฮอลลีวูด ที่ใช้อิทธิพลของตัวเองบีบบังคับล่วงละเมิดทางเพศนักแสดงและหญิงสาวในวงการบันเทิง จนนำมาสู่การเรียกร้องสิทธิสตรีในแฮชแท็ก #MeToo

แต่ก็มีการใช้ในทางการเมืองบ้างอย่างเมื่อเร็วๆ นี้ที่เกิดการแบนบริษัทอาหารกระป๋อง Goya หลังจากที่ซีอีโอพูดชมประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แต่ก็มีอีกฝ่ายหนึ่งที่ออกมาสนับสนุนด้วยแฮชแท็ก #Buycott ที่แปลได้ว่า ให้ช่วยกันซื้อ

หรือกรณีที่นักร้องชื่อดัง เทย์เลอร์ สวิฟต์ Call Out ว่าทรัมป์พยายามตัดงบประมาณหน่วยงานไปรษณีย์ (USPS) เพื่อโกงการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น

ขณะที่การ Call Out ในประเทศไทยในขณะนี้ถูกนำมาใช้ในทางการเมือง กับคนที่ไม่ทำตามสิ่งที่คนในโซเชียลต้องการให้ทำ คนที่ไม่ได้มีอุดมการทางการเมืองตรงกับที่คนในโซเชียลต้องการให้เป็น

ในทางหนึ่งการ Call Out ก็คือการให้พื้นที่แก่คนที่ไม่เคยมีปากมีเสียงหรือเสียงไม่ดังไม่ได้แสดงความเห็นหรือเรียกร้องสิ่งที่ต้องการ แต่การ Call Out เองก็เป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อยู่เหมือนกันว่า ต้องประณามกันแค่ไหน เพราะบางครั้งก็เกินเลยจนกลายเป็นการบุลลี่ จนคนที่ถูก Call Out กลายเป็นเหยื่อไปด้วย

จอน รอนสัน ผู้เขียนหนังสือ So You've Been Publicly Shamed พูดถึงการประณามกันบนโลกออนไลน์ว่า เป็นพฤติกรรมที่ปากว่าตาขยิบ บางครั้งก็ทวีความรุนแรงจนเกินเหตุ จากกลุ่มที่แสวงหาความยุติธรรมเพื่อให้สังคมดีงาม กลายเป็นกลุ่มบุลลี่สาธารณะที่สนุกปาก พร้อมจะว่าร้าย หั่นคนที่พิดพลาดไม่ให้เหลือชิ้นดี

เดวิด บรูคส์ เขียนไว้ในบทความเรื่อง The cruelty of call-out culture ของหนังสือพิมพ์ The New York Times ว่า “เมื่อใดก็ตามที่คุณให้อำนาจคนทั่วไปในการทำลายชีวิตใครก็ตามโดยไร้แนวทางปฏิบัติ คุณได้ขยับเข้าใกล้การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในรวันดาไปอีกก้าวหนึ่งแล้ว”

บางครั้งการ Call Out ของชาวโซเชียลก็บานปลายร้ายแรงยิ่งกว่าพฤติกรรมของคนที่ตัวเอง Call Out เสียอีก อย่างที่ อเล็กซ์ มิแรนดา นักเรียนมัธยมปลายในสหรัฐบอกว่า “คนเราใส่ความเห็นแง่ลบลงในกระแสคว่ำบาตรทางออนไลน์เพื่อสร้างรถไฟของความเกลียดชังเพื่อโจมตีบุคคลใดบุคคลหนึ่ง การขู่เอาชีวิตเป็นวิธีหนึ่งที่ชาวโซเชียลใช้โจมตีคนที่ถูกแบน...และจากมุมมองนี้ บางครั้งวิธีการที่ชาวโซเชียลใช้ตอบโต้คนที่ถูกแบนกลับเป็นพฤติกรรมที่ร้ายแรงยิ่งกว่าพฤติกรรมของคนที่ถูก Call Out”

แต่ในอีกแง่หนึ่งการ Call Out เป็นการเปิดโอกาสให้คนธรรมดาทั่วไปที่ไม่ได้มีอิทธิพลหรืออำนาจได้ใช้พื้นที่โซเชียลมีเดียเรียกร้องความยุติธรรม คอนสแตนซ์ เกรดี จากสำนักข่าว Vox กล่าวว่า แต่ไหนแต่ไรมา หากมีผู้หญิงออกมาเปิดเผยว่าผู้ชายที่มีเงินหรือมีชื่อเสียงล่วงละเมิดทางเพศ เรามักไม่ค่อยจัดการอะไรกับผู้ชายพวกนี้ แต่กลับไปกล่าวหาว่าผู้หญิงเหล่านี้โกหก แต่แฮชแท็ก #MeToo ในโลกโซเชียลนำมาสู่การลงโทษ ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน ในที่สุด

อีกทั้งการ Call Out ยังเป็นช่องทางการเคลื่อนไหวที่อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในสังคม เช่น แฮชแท็ก แฮชแท็ก #OscarsSoWhite ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2015 เพื่อเรียกร้องให้งานประกาศรางวัลออสการ์ให้ความสำคัญกับนักแสดงผิวสี กลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) และผู้หญิงบ้าง

แฮชแท็กนี้ทำให้ออสการ์กลับไปทบทวนและปรับปรุงเรื่อยมา จนกระทั่งในปีนี้ที่มีการเสนอชื่อนักแสดงที่เป็นกลุ่มคนส่วนน้อยของวงการเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าจากปี 2016

การ Call Out ในประเทศไทยจะเปลี่ยนแปลงสังคมได้หรือไม่ อยู่ที่เราเลือกว่าทำอย่างไรจึงจะไม่เกินเลยจนกลายเป็นการล่าแม่มด

Photo by Mladen ANTONOV / AFP

ข่าวล่าสุด

‘เท้ง ณัฐพงษ์’ เยี่ยมศูนย์อพยพชายแดนไทย-กัมพูชา หวัง สถานการณ์คลี่คลาย