posttoday

ผอ.WHO น้ำตาร่วง วอนโลกร่วมมือสู้โควิด หลังสหรัฐถอนตัวจากสมาชิก

10 กรกฎาคม 2563

"ศัตรูตัวจริงไม่ใช่ไวรัส แต่เป็นการขาดความเป็นผู้นำและความเป็นปึกแผ่นของทั่วโลก "

นายแพทย์ ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ถึงกับน้ำตาคลอระหว่างการแถลงสถานการณ์โควิด เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยได้เรียกร้องให้ทั่วโลกสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการต่อสู้รับมือกับโรคโควิด-19 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ผู้นำสหรัฐได้ยื่นหนังสือต่อองค์การสหประชาชาติ ซึ่งเป็นต้นสังกัดองค์การอนามัยโลกในการแจ้งออกจากการเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการ

ผอ.อนามัยโลกกล่าวว่า "ศัตรูตัวจริงไม่ใช่ไวรัส แต่เป็นการขาดความเป็นผู้นำและความเป็นปึกแผ่นของทั่วโลก นี่ไม่ต่างจากโศกนาฎกรรม ที่เราทั่วโลกต้องร่วมเผชิญ เราสูญเสียมิตรสหาย ชีวิตประชาชนมากมาย เราไม่สามารถเอาชนะการแพร่ระบาดของโควิด-19 หากเราแบ่งแยกโลกของเรากันเอง

โควิด-19 คือบททดสอบความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวของผู้นำโลก มันยากแค่ไหนที่มนุษย์จะร่วมต่อสู้กับโรคระบาดซึ่งคร่าชีวิตผู้คนอย่างไม่เลือกหน้า เราไม่อาจแยกแยะศัตรูหรือระบุตัวศัตรูที่มีร่วมกันมนุษย์ในการร่วมกันมือกันต่อสู้กับโรคระบาดที่ฆ่าผู้คนอย่างไม่เลือกหน้า หรือเราไม่สามารถแยกแยะหรือระบุศัตรูที่เรามีร่วมกัน ผมไม่เข้าใจว่าการแบ่งแยก หรือสร้างรอยร้าวระหว่างเรานั้นเป็นไปเพื่อประโยชน์ของไวรัสอย่างไร" ตอนหนึ่งที่ผอ.อนามัยโลกกล่าว

แม้จะไม่ได้กล่าวถึงผู้นำประเทศใดเป็นเฉพาะเจาะจง แต่เชื่อว่าหมายถึงประธานาธิดีทรัมป์ ซึ่งประกาศพาสหรัฐถอนตัวจากสมาชิกอนามัยโลก

สำหรับสหรัฐ คือผู้บริจาครายใหญ่ของอนามัยโลกปีละราว 400-500 ล้านดอลลาร์ ในการรับมือต่อโรคร้ายแรงต่างๆไม่เพียงแต่โควิด-19 แต่ยังรวมถึงโรคร้ายแรงอื่นๆ เช่น วัณโรค โรคเอดส์ รวมไปถึงโปลิโอ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาเตือนว่าการที่สหรัฐฯ ถอนตัวจากอนามัยโลกจะเป็นอันตรายต่อความพยายามในการสกัดโรคระบาดเหล่านี้ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศด้อยพัฒนา

นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลกยังมีความคืบหน้าในการคณะทำงานอิสระในการทบทวนแนวทางรับมือโควิด-19 แล้ว โดยได้เลือกอดีตสองผู้นำประเทศอย่างนาง เฮเลน คลาร์ก อดีตนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์และนางเอลเลน จอห์นสัน เซอร์ลีฟ อดีตประธานาธิบดีไลบีเรีย นั่งเป็นประธานร่วมในคณะกรรมาธิการดังกล่าว โดยทั้งสองจะทำการคัดเลือกสมาชิกในคณะกรรมาธิการคนอื่นๆ เพื่อพิจารณาและจัดทำรายงานเสนอข้อเท็จจริงกรณีการสถานการณ์โควิดทั่วโลก ต่อที่ประชุมประจำปีรัฐมนตรีสาธารณสุขโลกจาก194ชาติในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งจะถึงช่วงครบรอบ1ปีที่โลกได้พบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019

อย่างไรก็ดี องค์การอนามัยโลกตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จากท่าทีอันล่าช้าในการออกคำเตือนต่อประเทศสมาชิกในการรับมือไวรัสโควิดในหลายประเด็น อาทิ การเพิ่งยอมรับว่าเชื้อโควิดแพร่ทางอากาศได้ และการที่เพิ่งประกาศว่าจะส่งคณะสืบสวนความจริงลงพื้นที่ประเทศจีนเพื่อค้นหาต้นต่อการระบาดของไวรัส หลังจากที่ไวรัสระบาดไปทั่วโลกแล้วหลายเดือน จนผู้นำสหรัฐวิจารณ์ว่า WHO คือองค์กรที่ทำงานภายใต้อิทธิพลจีน

แฟ้มภาพ AFP