เหตุใดอัตราตายจากโควิดในเยอรมนีต่ำกว่าอิตาลีถึง 40 เท่า
อัตราเสียชีวิตจากเชื้อโควิดในเยอรมนีไม่ถึง 1% หากเทียบกับอิตาลีที่ 8%
สถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิดในยุโรป ถือว่ารุนแรงและกลายเป็นศูนย์กลางการ ระบาดแห่งใหม่ของโลกแทนที่จีน ตามคำแถลงขององค์การอนามัยโลก ตรงข้ามกับสถานการณ์ในจีนแผ่นดินใหญ่ที่นับวันการระบาดทุเลาลงอย่างชัดเจน ผู้คนเริ่มในจีนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติ
การระบาดในอิตาลีและสเปนนับว่ามีความร้ายแรงมากกว่าชาติอื่นๆในยุโรปด้วยกัน โดยที่สเปนติดเชื้อแล้ว 21,571 เสียชีวิต 1,093 ส่วนอิตาลีติดเชื้อ 47,021 เสียชีวิต 4,032 ราย *ข้อมูลวันที่ 21 มีนาคม*
หากเทียบประเทศพี่ใหญ่แห่งEU อย่างเยอรมนี ยอดติดเชื้อ 19,865 รักษาหาย 180 เสียชีวิต 68 ราย *ข้อมูลวันที่ 21 มีนาคม* ตามรายงานของสถาบัน Robert Koch Institute (RKI)
นั้นหมายความว่าอัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิดในเยอรมนีติดอยู่ที่ราว 0.3 % ถึง 0.18% หรือเรียกว่าแทบไม่ถึง 1% หากเทียบกับจีนที่ยอดเสียชีวิตของผู้ติดโควิดในจีนที่ราว 4% อังกฤษ 3.9% ฝรั่งเศส 2.9% และอิตาลีถึง 8.3%
อะไรทำให้คนเยอรมนีที่ติดโควิดมีอัตราเฉลี่ยการเสียชีวิตที่น้อยกว่าเพื่อนบ้านอย่างอิตาลี?
แม้จะมีหลายปัจจัยที่ส่งผลถึงอัตราการเสียชีวิตโดยเฉลี่ยในแต่ละประเทศของยุโรป โดยเฉพาะในอิตาลีซึ่งเป็นประเทศที่มีผู้สูงอายุมากเป็นอันดับสองของโลก แต่สิ่งที่พอจะแยกความแตกต่างซึ่งเป็นจุดเด่นของระบบสาธารณสุขเยอรมนีได้คือ
- อุปกรณ์การแพทย์เพรียบพร้อม
ในเยอรมนีมีเตียงสำหรับรองรับผู้ป่วยวิกฤตได้ถึง 25,000 พร้อมกับเครื่องพยุงชีพ และเครื่องช่วยหายใจที่เพรียบพร้อมกว่าชาติเพื่อนบ้าน ต่างกับในฝรั่งเศสที่มีเตียงรองรับได้ ราว 7,000 และอิตาลีเพียง 5,000
ส่วนในอังกฤษ แมตต์ ฮานค็อก รัฐมนตรีสาธารณสุขอังกฤษเผยว่า ทั่วประเทศมีเตียง รองรับผู้ป่วยวิกฤตได้ถึง 4,000 เตียง มีเครื่องช่วยหายใจ 5,000 เครื่อง ด้วยศักยภาพ ของเยอรมนีจึงไม่แปลกที่จะช่วยผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ หากอนาคตพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น เยอรมนีมีแผนสองเพื่อไม่ให้ระบบสาธารณสุขต้อง "โอเวอร์โหลด" ไปด้วยคนป่วยโควิด อย่างเช่นที่เป็นในอิตาลี รัฐบาลแมร์เคิลจึงมีแผนเพิ่มเตียงรองรับผู้ป่วยวิกฤตเพิ่มเป็นสองเท่า แม้แต่ในโรงแรมหรือหอประชุมท้องถิ่น ก็เตรียมเปลี่ยนเป็นโรงพยาบาลชั่วคราวเพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีอาการ"ไม่รุนแรง"เพื่อสงวนโรงพยาบาลไว้รับผู้ป่วยวิกฤตเท่านั้น รูปแบบเช่นนี้เหมือนกับที่จีนทำในช่วงที่ผ่านมา
เยอรมนียังเป็นที่ตั้งของบริษัทยาและไบโอเทคโนโลยีทั้งเจ้าเล็ก-ใหญ่เกือบหลายสิบแห่ง จึงไม่แปลกที่ประธานาธิบดีทรัมป์ถึงพยายามล็อบบี้ด้วยการซื้อวัคซีนโควิด-19จากบริษัทยาบางแห่งในเยอรมนีให้ส่งวัคซีนแก่สหรัฐเท่านั้น ซึ่งทางเยอรมนีได้ขัดขวางการเทคโอเวอร์ของรัฐบาลสหรัฐด้วยการเปย์เงินจำนวนที่สูงกว่า (ทรัมป์ทุ่มเงินหวังจะซื้อวัคซีนโควิด-19มาเป็นของสหรัฐเท่านั้น)
- พัฒนาชุดตรวจอย่างรวดเร็ว
เยอรมนีถือเป็นประเทศแรกๆที่สามารถพัฒนาชุดตรวจโควิดได้ทันท่วงทีแต่เนินๆ โดยเมื่อเดือนมกราคม นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันระบาดวิทยาโรงพยาบาล Charite ในกรุงเบอร์ลิน เป็นกลุ่มแรกที่พัฒาชุดตรวจได้สำเร็จ
ประกอบกับทั่วประเทศ เยอรมนีมีห้องแล็ปเอกชนซึ่งมีความพร้อมในการตรวจคัดกรองเชื้อ โดยในช่วงเดือนมกราคมตัวเลขผู้ติดเชื้อยังคงต่ำอยู่ เยอรมนีจึงมีศักยภาพการตรวจโรคที่เร็วกว่าชาติเพื่อนบ้าน มีความสามารถตรวจได้ประมาณ 12,000 คน ต่อวัน ใครก็ตามที่ติดต่อกับบุคคลเสี่ยง หรือกลับมาจากพื้นที่เสี่ยงจะมีสิทธิ์ตรวจก่อนรู้ผลเร็ว
- ติดเชื้อส่วนใหญ่ในหนุ่มสาว
ต่างกับอิตาลี ซึ่งผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นคนสูงวัย ที่เยอรมนีผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวที่อายุยังไม่มาก ผู้ติดเชื้อราว 70% ในเยอรมนีอายุระหว่าง 20-50 ปี ตรงข้ามกับอิตาลีซึ่งผู้ติดเชื้อเฉลี่ยที่ 70 ปี
อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญจากสภาการวิจัยของอิตาลี (Consiglio Nazionale delle Ricerche) นาย Giovanni Maga ตั้งข้อสังเกตถึงเยอรมนีว่า ไม่มีการตรวจว่าผู้เสียชีวิตบางรายว่าเกิดจากการติดไวรัสหรือไม่ เพราะกรณีที่อิตาลี มีรายงานผู้สูงอายุบางรายเสียชีวิตระหว่างกักตัวที่บ้าน หรือไม่ได้ไปโรงพยาบาล เยอรมนีจึงอาจมีโอกาสสูงที่ไม่ได้นับรวมผู้เสียชีวิตในส่วนดังกล่าวด้วย


