เกิดอะไรขึ้นกับอาร์เจนตินา เพื่อนร่วมวิกฤตกับไทยที่ยังไม่หลุดจากตมมา20กว่าปี
ขณะที่อาร์เจนตินายังคงจมปลักอยู่กับวิกฤตการเงินอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ทั้งๆ ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสามของอเมริกาใต้
ในปี 2540 ประเทศและอีกหลายประเทศในเอเชียที่กำลังไปได้สวยในศวรรษที่ 90 ต้องสะดุดขาตัวเองในวิกฤตการเงินที่ลุกลามไปทั่ว ทำให้ไทยที่กำลังถูกมองว่า "อาจจะเป็น" เสือตัวใหม่ของเอเชีย กลายเป็น "แมวเชื่อง" ไปในพริบตา
ในปีถัดมาคือ 2541 เกิดวิกฤตหนี้ขึ้นที่อาร์เจนตินาแม้จะต่างกรรมต่างวาระกัน แต่ก็ทำให้ให้ไทยและอาร์เจนตินารู้สึกใกล้ชิดกันอย่างประหลาด และมักมีการเปรียบเทียบวิกฤตกับไทยและอาร์เจนตินาอยู่เนืองๆ แม้ว่ารากเหง้าของปัญหาจะต่างกันก็ตาม
ในขณะนี้รากฐานการเงินไทยแข็งแกร่งขึ้นมาก มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ การว่างงานต่ำ มีทุนสํารองระหว่างประเทศที่สูงที่สุดประเทศหนึ่งในโลก ปัญหาด้านการเงินเพียงไม่กี่อย่าง คือยังมีหนี้ครัวเรือนสูง
- เบื้องหลังความวินาศ -
ขณะที่อาร์เจนตินายังคงจมปลักอยู่กับวิกฤตการเงินอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ทั้งๆ ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสามของอเมริกาใต้ แต่ตกอยู่ในสภาพ “ผิดนัดชำระหนี้อย่างชัดเจน” ตามคำกล่าวของประธานาธิบดีอัลแบร์โต แฟร์นานเดซ ซึ่งการ “ผิดนัดชำระหนี้อย่างชัดเจน” ในที่นี้หมายถึงความไร้ความสามารถของอาร์เจนตินาที่จะจ่ายหนี้โดยสิ้นเชิง สภาพจึงคล้ายกับล้มละลายในทางปฏิบัติ
ประธานาธิบดี แฟร์นานเดซ ยังถึงกับกล่าวว่าอาร์เจนตินากำลังประสบกับวิกฤตการณ์ที่คล้ายคลึงกับประวัติศาสตร์ที่เลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นในปี 2544 ซึ่งเป็นช่วงที่วิกฤตหนี้และภาวะเศรษฐกิจตกต่ำใหญ่ในอาร์เจนตินามาถึงจุดที่รุนแรงที่สุด หลังจากปะทุขึ้นในปี 2541
อาร์เจนตินาจมปลักอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยเนื่องจากความยากจน อัตราเงินเฟ้อ และการว่างงานสูง คาดว่า GDP ของอาร์เจนตินาจะลดลง 3.1% ในปี 2562
แฟร์นานเดซ ซึ่งดำเนินนโยบายสายกลางเอียงซ้าย กล่าวหาว่านโยบายตลาดเสรีของอดีตประธานาธิบดีเมาริซิโอ มาครี เป็นสาเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจของอาร์เจนตินาต้องเลวร้ายลง เพื่อเป็นการควบคุมระบอบตลาด แฟร์นานเดซ ได้ประกาศปรับขึ้นภาษีการซื้อสกุลเงินต่างประเทศ การส่งออกสินค้าเกษตร และการขายรถยนต์ ในขณะเดียวกันก็เพิ่มเงินบำนาญให้ผู้เกษียณอีก 10,000 เปโซ (ราว 5,040 บาท) และตรึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคนาน 6 เดือน
สำนักข่าว AFP ได้สรุปปัจจัยสำคัญห้าข้อของวิกฤตเศรษฐกิจอาร์เจนตินา และความท้าทายที่แฟร์นานเดซกำลังเผชิญเพื่อพยายามแก้ปัญหาของประเทศ
- 1. เงินเฟ้อ -
อาร์เจนตินาเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาที่ล้มเหลวในการควบคุมภาวะเงินเฟ้อ ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยของกลุ่มประเทศเหล่านี้อยู่ที่เพียง 4.7% แต่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์เงินเฟ้อของอาร์เจนตินาจะพุ่งขึ้นถึง 57% ซึ่งมีแต่เวเนซุเอลาและซิมบับเวเท่านั้นที่สูงกว่านี้ และทั้ง 2 ประเทศมีสถานที่ย่ำแย่ในระดับวิกฤต
อัตราเงินเฟ้อของอาร์เจนตินาเลวร้ายมาระยะหนึ่งแล้วโดยอยู่ที่ละ 47.6% ในปี 2561 หลังจากที่ยุตินโยบายตรึงเงินเปโซกับดอลลาร์สหรัฐเป็นระยะเวลา 11 ปี ทำให้วิกฤตการณ์ที่ลากยาวมาตั้งแต่ปี 2544 เลวร้ายลงยิ่งขึ้น
วิกฤตของอาร์เจนตินาเลวร้ายหนักขึ้นเมื่อค่าเงินเปโซอ่อนค่าลงฉับพลันเมื่อ 18 เดือนที่แล้ว โดยอ่อนค่ามากกว่า 50% ในปี 2018 และลดลงอีก 38% ในปีนี้
เงินเฟ้อที่เลวร้ายและมูลค่าที่ลดลงของเงินเปโซส่งผลกระทบต่ออำนาจการใช้จ่ายของอาร์เจนตินาอย่างมาก
- 2. เศรษฐกิจถดถอย -
อาร์เจนตินาอยู่ในภาวะถดถอยตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2561 โดยเมื่อปีที่แล้วเศรษฐกิจหดตัว 2.5% และ IMF คาดว่าเศรษฐกิจจะหดตัวอีก 3.1% ในปีนี้และ 1.3% ในปี 2563 ซึ่งจนถึงขณะนี้เศรษฐกิจหดตัวลงมา 17 เดือนติดต่อกันแล้ว
รัฐบาลใหม่หวังที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการกระตุ้นให้มีการใช้จ่ายและคืนภาษีให้กับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมซึ่งเป็นภาคสำคัญ เพื่อป้องกันการว่างงานเพราะในเวลานี้อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเกือบ 10% และยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- 3. ความยากจน -
ความยากจนที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้ปัจจุบันส่งผลกระทบต่อประชากร 41% ของจำนวนประชากรทั้งหมด 44 ล้านคนในอาร์เจนตินา หรือครึ่งหนึ่งของประชาชนมีปัญหาความยากจน จึงเป็นหนึ่งในปัญหาที่ใหญ่ที่สุด เมื่อต้นปีที่ผ่านมารัฐสภาได้ผ่านกฎหมายภาวะฉุกเฉินด้านอาหาร เพื่อจัดสรรทรัพยากรให้กับโครงการเพื่อสังคม
แฟร์นานเดซยังผนึกกำลังกับภาคธุรกิจและองค์กรทางสังคมผลักดันโครงการ "จัดการกับความหิว" โดยการแจกจ่ายแสตมป์อาหาร
- 4. การขาดดุล -
มาตรการทางการเงินการคลังที่เข้มงวดของอดีตประนาธิบดีมาครีทำให้อาร์เจนตินาสามารถลดการขาดดุลงบประมาณหลักจากเกือบ 7% ของ GDP ในปี 2558 มาอยู่ที่ประมาณ 0.9% เปอร์เซ็นต์ในปีนี้
เพื่อเป็นการตอบสนองต่อความมีวินัยทางการเงิน กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ตกลงที่ปล่อยเงินกู้ยืมเงินเป็นจำนวน 57,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และได้มอบเงินบางส่วนไปแล้วเป็นจำนวน 44,000 ล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตามแฟอร์นานเดซบอกว่าเขาจะปฏิเสธส่วนที่เหลือ
- 5. หนี้สิน -
หนี้สินเพิ่มขึ้นเป็น 335,000 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งรวมถึงเงินกู้ของ IMF และ IMF คาดว่าหนี้ของอาร์เจนตินาในอัตราส่วนต่อGDP จะสูงถึง 93% ภายในสิ้นปีนี้ เทียบกับ 53% เมื่อครั้งที่อดีตประธานาธิบดีดำรงตำแหน่ง อำนาจ
ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน คือแฟอร์นันเดซกล่าวว่าอาร์เจนตินาอยู่ในภาวะ “ผิดนัดชำระหนี้อย่างชัดเจน” และโทษรัฐบาลของมาครีที่ทำให้รัฐบาลใหม่ไม่สามารถชำระหนี้ได้
รัฐบาลได้ย้ำว่าอาร์เจนตินาต้องการชำระหนี้ แต่ยืนยันว่า "เพื่อให้สามารถชำระเงินได้ เราต้องทำให้ตัวเรามีศักยภาพที่จะทำได้ และการทำเช่นนั้นเศรษฐกิจจะต้องเติบโต"
ในระหว่างนี้อาร์เจนตินาได้เลื่อนการชำระเงินครบกำหนดชำระจำนวน 9,000 ล้านเหรียญสหรัฐไปจนถึงเดือนสิงหาคม 2020 ซึ่งทำให้บริษัทจัดอันดับ Fitch และ S&P ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือด้านการชำระหนี้ของอาร์เจนตินาลง ทว่า Fitch ปรับขึ้นมาอีกครั้งในเวลาต่อมา


