เศรษฐีอเมริกันซึ้งคำสอนดาไล ลามะ บริจาค 3,000 ล้านวิจัยเรื่องความเมตตา
รวมๆ แล้วมหาเศรษฐีใจบุญผู้นี้บริจาคเงินให้การกุศลแล้วกว่า 3 หมื่นล้านบาท
รวมๆ แล้วมหาเศรษฐีใจบุญผู้นี้บริจาคเงินให้การกุศลแล้วกว่า 3 หมื่นล้านบาท
เว็บไซต์ buddhistdoor.net รายงานว่า โธมัส เดนนี แซนฟอร์ด มหาเศรษฐีนักการธนาคารชาวอเมริกัน บริจาคเงิน 100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 3,075.5 ล้านบาท ให้กับ University of California San Diego ในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐ เพื่อเป็นทุนในการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับความเห็นอกเห็นใจและความเมตตากรุณา เพื่อบ่มเพาะคุณสมบัติทั้งสองข้อนี้ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ให้เป็นประโยชน์กับทั้งตัวแพทย์เองและผู้ป่วย หลังจากได้ฟังคำสอนขององค์ดาไล ลามะ ประมุขด้านศาสนาของชาวทิเบต
แซนฟอร์ดได้สนทนาธรรมเป็นส่วนตัวกับดาไล ลามะระหว่างที่ท่านเดินทางมากล่าวให้โอวาทในพิธีจบการศึกษาที่ University of California San Diego เมื่อปี 2017 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเดินสายสอนเรื่อง “ความเห็นอกเห็นใจไม่มีพรมแดน” ที่สหรัฐของดาไล ลามะ จนเกิดความซาบซึ้งจึงได้บริจาคเงินส่วนตัวเพื่อศึกษาในเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจัง
มหาเศรษฐีวัย 83 ปี เผยว่า “ผมได้รับแรงบันดาลใจจากคำสอนของดาไล ลามะ ผู้ที่มีความสนใจเกี่ยวกับศาสตร์ที่วิทยาศาสตร์และความเชื่อมาบรรจบกันอย่างลึกซึ้ง ผมมีโอกาสได้เห็นว่าความกรุณา มนุษยธรรม ความเอื้อเฟื้อสามารถเปลี่ยนผู้คนและโลกใบนี้ได้ การบริจาคครั้งนี้เป็นการขยายวิสัยทัศน์ดังกล่าว บุคลากรทางการแพทย์ต้องทำงานในโลกที่ความเป็นอกเห็นใจเป็นเรื่องสำคัญ แต่สภาพความจริงในปัจจุบันทำให้ความรู้สึกนี้หายไป หากเราสามารถช่วยให้บุคลากรเหล่านี้คงความเห็นอกเห็นใจเอาไว้โดยมีหลักการทางวิทยาศาสตร์เป็นพื้นฐานรองรับ โลกคงเป็นสถานที่ที่มีความสุข ผู้คนมีสุขภาพดีขึ้น”
เงินบริจาคนี้จะเป็นทุนให้ทีมนักวิจัยของสถาบัน T. Denny Sanford Institute for Empathy and Compassion at UC San Diego ซึ่งเพิ่งก่อตั้งขึ้น ศึกษาวิจัยการทำงานของระบบประสาทด้านความเห็นอกเห็นใจ และค้นหาหลักฐานที่เป็นรูปธรรมที่สามารถนำมาใช้เขียนหลักสูตรที่เน้นไปที่ความเห็นอกเห็นใจ เพื่อให้ความรู้บุคลากรทางการแพทย์และพัฒนาหนทางในการสร้างความอยู่ดีมีสุขของทั้งผู้ป่วยและผู้ดูแล
หนังสือพิมพ์ The San Diego Union Tribune รายงานว่า เงิบบริจาคของแซนฟอร์ดเป็นเงินก้อนใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสหรัฐ และยังระบุอีกว่ามหาเศรษฐีใจบุญผู้นี้เคยบริจาคเงิน 100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 3,075.5 ล้านบาท ให้ทาง University of California San Diego มาแล้วเมื่อปี 2013 เพื่อตั้งศูนย์วิจัยสนับสนุนการผลิตยารักษาโรคใหม่ๆ และเมื่อปีที่แล้วแซนฟอร์ดยังบริจาคเงินอีก 100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 3,075.5 ล้านบาท ให้กับ National University System องค์กรไม่แสวงกำไรด้านการศึกษาของเมืองแซนดิเอโก เพื่อให้ความรู้ด้านมารยาทและความเกรงอกเกรงใจแก่เยาวชน โดยมีเป้าหมายลดการใช้ความรุนแรงและการกลั่นแกล้งในกลุ่มเด็กๆ
The San Diego Union Tribune ยังเผยอีกว่า ในช่วง 12 ปีที่ผ่านมาสถาบันต่างๆ ในเมืองแซนดิเอโกได้รับเงินบริจาคจากแซนฟอร์ดแล้วอย่างน้อย 459 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 14,116 ล้านบาท
สำหรับชีวิตส่วนตัวนั้น แซนฟอร์ดเป็นตัวอย่างของคนที่ถีบตัวจากความยากจนไปสู่มหาเศรษฐีได้เป็นอย่างดี
แซนฟอร์ดเกิดในครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวย หนำซ้ำยังเป็นช่วงที่สหรัฐเกิดวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression) เขาต้องช่วยพ่อทำงานในโรงงานทอผ้าตั้งแต่อายุเพียง 8 ขวบ แต่เจ้าตัวก็เอาชนะความยากลำบากในวัยเด็กจนคว้าดีกรีนักจิตวิทยาจาก University of Minnesota ได้สำเร็จ
แซนฟอร์ดประเดิมชีวิตการทำงานด้วยตำแหน่งเซลส์ เขาไต่เต้าจนกระทั่งซื้อกิจการธนาคารในรัฐเซาท์ดาโกตาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็นธนาคาร First Premier ที่เน้นให้บริการลูกค้าที่เครดิตไม่ค่อยดีเช่นทุกวันนี้
แซนฟอร์ดเริ่มผันตัวเป็นนักการกุศลในช่วงปลายทศวรรษ 1990 โดยเริ่มจากการบริจาคเงินให้กับองค์กรเกี่ยวกับการดูแลและให้การศึกษาเยาวชน จนถึงวันนี้เขาควักกระเป๋าบริจาคไปแล้วกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 30,755 ล้านบาท โดยเงินส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้ในด้านสุขภาพ ยารักษาโรค และการศึกษา