อวสานปักกิ่งบิกินี่ จีนสั่งเข้มร้อนแค่ไหนก็ห้ามโชว์พุง
ทางการไม่ปลื้มแฟชั่นโชว์พุงดับร้อน สั่งประชาชนต้องแต่งกายให้เหมาะสมในที่สาธารณะ
ทางการไม่ปลื้มแฟชั่นโชว์พุงดับร้อน สั่งประชาชนต้องแต่งกายให้เหมาะสมในที่สาธารณะ
ฤดูร้อนแต่ละปีของจีนนั้นร้อนเอาเรื่องไม่ต่างจากเมืองไทยหรืออาจจะร้อนกว่าเสียด้วย ผู้คนจึงต้องหาวิธีคลายร้อนเอาตัวรอดในช่วงที่อากาศไม่ค่อยเป็นใจต่อการใช้ชีวิต และวิธียอดฮิตที่ชาวจีนเห็นกันจนชินตาก็คือ บรรดาชายวัยกลางคนที่มักจะม้วนชายเสื้อยืดขึ้นไปจนเห็นพุงแล้วเดินไปไหนมาไหนตามปกติ จนการม้วนเสื้อนี้แพร่หลายและเกิดคำเรียกเล่นๆ ว่า ปักกิ่งบิกินี่ (Beijing Bikini) เลยทีเดียว
แต่จากนี้ไปภาพชินตานี้กำลังจะหมดไป เพราะเมื่อเร็วๆ นี้ทางการเมืองจี่หนานในมณฑลซานตงของจีนได้ออกประกาศให้พลเมืองสวมเสื้อผ้าที่เหมาะสมในที่สาธารณะ โดยพุ่งเป้ามาที่ปักกิ่งบิกินี่เป็นหลัก แม้ว่าสัปดาห์นี้อุณหภูมิจะสูงถึง 36 องศาเซลเซียสก็ตาม เนื่องจากทางการมองว่าพฤติกรรมดังกล่าว “ไร้อารยธรรม” และทำลายภาพลักษณ์ที่ดีของเมือง
นอกจากนี้ ทางการเมืองจี่หนานยังเล็งปราบปรามการแต่งกายที่ไม่เหมาะสมอื่นๆในที่สาธารณะ เช่น ไม่สวมเสื้อ การเปิดเผยอวัยวะบางส่วนที่ควรปกปิด รวมทั้งพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม อาทิ การทะเลาะวิวาทในที่สาธารณะ แซงคิว ทิ้งขยะไม่เป็นที่ นำสัตว์เลี้ยงออกมาเดินเล่นโดยไม่มีระเบียบ
ภายหลังผู้ใช้อินเทอร์เน็ตชาวจีนได้แสดงความคิดเห็นต่อคำสั่งนี้หลากหลาย ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยบอกว่า “การม้วนชายเสื้อเป็นการคลายร้อนโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกทำให้โลกร้อน” หรือ “ปล่อยให้อาเปะแกทำไปเถอะ” ส่วนฝ่ายที่เห็นด้วยเผยว่า “อยากให้ทางการใช้มาตรการนี้ทั่วประเทศ” ซึ่งเป็นคอมเม้นท์ที่ชาวโซเชียลกดไลค์มากที่สุด
I found something hilarious lol 😂 Is it called Beijing Bikini 👙? Omg Too hot to 👀 🙈🙈 pic.twitter.com/iF50VcOq7K
— Dumb bae (@hey9cday) 8 มิถุนายน 2560
ขณะที่อีกคอมเม้นท์หนึ่งที่เรียกยอดไลค์ได้ไม่แพ้กันระบุว่า “ถ้าหุ่นดีกล้ามล่ำก็โอเค แต่ถ้าไม่ก็อย่าโชว์เลย”
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทางการพยายามปรามแฟชั่นโชว์พุง ทางการเมืองเทียนจินเคยสั่งปรับชายรายหนึ่ง 7 เหรียญสหรัฐ หรือราว 215.50 บาท ข้อหาไม่สวมเสื้อเข้าไปซื้อสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ต ตามกฎห้ามเปลือยท่อนบนของเมืองที่บังคับใช้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ส่วนเมืองหานตันในมณฑลเหอเป่ยเอาจริงเอาจังกับการแต่งกายของผู้ชายถึงขั้นทำโครงการส่งเสริมการแต่งกายที่เหมาะสมผ่านภาพยนตร์สั้นที่มีเนื้อหาต่อต้านการไม่สวมเสื้อของชายชาวจีน


