"ทีมบริหาร"ทรัมป์ระส่ำหนัก
ทรัมป์สั่งปลดกุนซือคนสำคัญ คาดกระทบการผลักดันนโยบายการค้าแบบชาตินิยม
ทรัมป์สั่งปลดกุนซือคนสำคัญ คาดกระทบการผลักดันนโยบายการค้าแบบชาตินิยม
รอยเตอร์สรายงานว่า การสั่งปลด สตีเฟน แบนนอน หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ประจำทำเนียบขาว ผู้มีแนวคิดชาตินิยมขวาจัดและร่วมวางนโยบายต่างๆ ให้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่ง มีแนวโน้มบั่นทอนการผลักดันนโยบายการค้าแบบ “อเมริกามาก่อน” ของทรัมป์
รายงานระบุว่า การปลดแบนนอนจะเปิดทางให้กลุ่มโกลบอลลิสต์ ซึ่งสนับสนุนการค้าแบบโลกาภิวัตน์และมีท่าทีลดความแข็งกร้าวต่อจีน รวมถึงประนีประนอมการเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (นาฟตา) ขึ้นมามีอิทธิพลมากกว่าเดิม โดย แบนนอนและปีเตอร์ นาวาร์โร ประธานสภาการค้าแห่งชาติของสหรัฐ สนับสนุนการแข็งกร้าวทางการค้ากับจีน เช่น การขึ้นบัญชีจีนเป็นประเทศปั่นค่าเงินและผลักดันการตั้งภาษีเหล็กนำเข้าจากจีน ซึ่งขัดแย้งกับกลุ่มโกลบอลลิสต์ที่ประกอบด้วย แกรี่ โคห์น ประธานสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และ ซอนนี่ เพอร์ดู รัฐมนตรีกระทรวงเกษตร
ทั้งนี้ กลุ่มโกลบอลลิสต์ที่นำโดยโคห์นกำลังมีอิทธิพลมากขึ้นในฝ่ายบริหาร จากความสำเร็จกรณีการที่ไม่ขึ้นบัญชีจีนเป็นประเทศปั่นค่าเงินในเดือน เม.ย. และการกลับไปเจรจากับนาฟตาแทนการถอนตัวออกจากข้อตกลงดังกล่าว รวมถึงกรณีล่าสุดในการเลื่อนการตัดสินใจตั้งภาษีเหล็กจีน
“แบนนอนมักจะโต้กลับและสกัดประเด็นการค้าจากฝ่ายโกลบอลลิสต์ เมื่อแบนนอนออกไปแล้วกลุ่มโกลบอลลิสต์ จึงน่าจะชนะการถกเถียงและผลักดันนโยบายต่างๆ ได้มากขึ้น” เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารรายหนึ่งที่ไม่ระบุนาม กล่าวกับรอยเตอร์ส
อย่างไรก็ดี ดีเร็ก ซิสเซอร์ส ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าจีนจากสถาบันคลังสมองอเมริกัน เอนเตอร์ไพรซ์ อินสติติวต์ กล่าวว่า ในระยะสั้นนั้นทิศทางนโยบายการค้าของทรัมป์ไม่มีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงมากนัก
ด้าน โรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ ประกาศเริ่มการสอบสวนจีนกรณีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 18 ส.ค. หลังทรัมป์ลงนามคำสั่งดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (ยูทีเอสอาร์) จะจัดทำประชาพิจารณ์ในประเด็นดังกล่าววันที่ 10 ต.ค. และเปิดรับความเห็นจากสาธารณชนจนถึงวันที่ 28 ก.ย.
นอกจากแบนนอนแล้ว คาร์ล ไอคาน มหาเศรษฐีนักลงทุน ลาออกจากการเป็นที่ปรึกษาด้านการปฏิรูปกฎระเบียบทางการเงิน หลังเผชิญการวิพากษ์วิจารณ์ว่าไอคานได้รับผลประโยชน์ทางธุรกิจจากการดำรงตำแหน่งดังกล่าว
ภาพ...เอเอฟพี