โลหะชัย เหล็กไทยบุกเพื่อนบ้าน
กลุ่มธุรกิจเหล็กแปรรูป อีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่มีโอกาสในการทำตลาดต่างประเทศ
โดย...ดวงใจ จิตต์มงคล
กลุ่มธุรกิจเหล็กแปรรูป อีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่มีโอกาสในการทำตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอาเซียน จากการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ที่เปิดรับสินค้ากลุ่มนี้จากไทยมากขึ้นเช่นกัน
จินดา เลิศชาญวุฒิ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ห้างหุ้นส่วนจำกัดโลหะชัย ผู้ผลิตและทำตลาดเหล็กแปรรูป เปิดเผยว่า ในฐานะทายาทรุ่น 2 ของกิจการซึ่งดำเนินการมาเกือบ 40 ปี โดยในช่วงแรกธุรกิจเป็นการดำเนินการในรูปแบบค้าเหล็กตั้งอยู่ย่านหัวลำโพง ต่อมาตลาดมีความต้องการเหล็กเพิ่มขึ้นจำเป็นต้องขยายคลังสินค้าตามมา พร้อมกับวางแผนขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่ม จากเดิมมีความชำนาญด้านสินค้ากลุ่มท่อเหล็กสำหรับใช้เพื่อทำเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์เหล็กรองรับในกลุ่มยานยนต์ ก่อสร้าง และสินค้าในอุตสาหกรรมเกษตร
ทั้งนี้ ในฐานะตัวเธอเองคลุกคลีกับกิจการครอบครัวมาโดยตลอด จากการเตรียมตัวเข้ามารับช่วงบริหารธุรกิจ โดยเฉพาะด้านการขยายตลาดต่างประเทศ ที่จะต้องขยายกิจการให้อยู่ในรูปแบบบริษัท จึงวางนโยบายการทำธุรกิจในภาพรวม ทั้งการขยายไลน์สินค้าเพิ่มขึ้นจากเดิมให้มีผลิตภัณฑ์เหล็กครอบคลุมทุกชนิด รวมถึงเหล็กท่อทุกขนาด เพื่อนำไปใช้เป็นวัสดุหลักในการผลิตสินค้าแต่ละอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ บริษัทยังหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาช่องทางการทำตลาดออนไลน์เพื่อให้สามารถเข้าถึงฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ได้ทั้งในและต่างประเทศผ่านเว็บไซต์ www.l-lohachai.co.th ภายใต้แนวคิดผู้ให้บริการเหล็กครบวงจร (วัน สต็อป เซอร์วิส) ปัจจุบันจะทำตลาดในรูปแบบธุรกิจต่อธุรกิจ (บีทูบี) เป็นหลัก รองรับลูกค้า 3 กลุ่มหลัก คือ เฟอร์นิเจอร์ ท่อเหล็ก สำหรับลูกค้ากลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ ท่อไอเสีย เป็นต้น
ขณะเดียวกัน บริษัทยังให้บริการรับผลิตชิ้นงานในลักษณะทำตามผลิต (เมด ทู ออร์เดอร์) ที่ปัจจุบันการทำงานในรูปแบบนี้สามารถเข้าไปขยายการทำตลาดต่างประเทศ อย่างในเพื่อนบ้านได้ ที่ปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้าประเทศเมียนมา และสิงคโปร์ที่สนใจสั่งผลิตชิ้นงานท่อเหล็กสำหรับระบบประปา (วอเตอร์ ไปป์) ที่มีขนาด 2-3 เมตรขึ้นไปเพื่อนำไปใช้ตามความต้องการ ซึ่งบริการลักษณะนี้กลุ่มลูกค้าต่างชาติเป็นผู้เข้ามาติดต่อเอง
จากจุดนี้ทำให้บริษัทมองเห็นโอกาสทางธุรกิจในการทำตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในชาติอาเซียนมากขึ้น โดยจะใช้รูปแบบการทำธุรกิจร่วมกับพันธมิตร (พาร์ตเนอร์) ที่สนใจเป็นตัวแทนการทำตลาดหรือกระจายสินค้า (ดิสทริบิวเตอร์) ของแต่ละประเทศท้องถิ่นนั้นๆ โดยเฉพาะในตลาดประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม (ซีแอลเอ็มวี) ที่มองว่าตลาดอุตสาหกรรมเหล็กแปรรูปจะยังมีทิศทางการเติบโตสูงต่อเนื่อง จากภาพรวมของประเทศดังกล่าวที่มีอัตราการเติบโตไม่หยุดนิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศรอบด้าน
“หากจะเข้าตลาดซีแอลเอ็มวี บริษัทมีความต้องการ 3 ด้าน คือ พันธมิตร ดิสทริบิวเตอร์ และผู้ผลิตอุตสาหกรรม ด้วยเป็นกลุ่มพาร์ตเนอร์ที่มีความสัมพันธ์และเกี่ยวข้องกับการทำตลาดเหล็กร่วมกัน” จินดา กล่าว
ในส่วนของกลุ่มลูกค้าเมียนมานั้น เป็นการแนะนำกันต่อมาจากสายสัมพันธ์ธุรกิจจากกลุ่มลูกค้าคนไทย โดยสนใจสั่งเหล็กแปรรูปจากโรงงานบริษัทเพื่อนำไปใช้ในงานก่อสร้างเต็นท์ในค่ายผู้อพยพ หรือค่ายทหาร บริเวณชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก เป็นต้น งานลักษณะดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งรูปแบบงานโปรเจกต์เช่นกัน
นอกจากนี้ บริษัทยังสนใจเข้าไปเปิดตลาดเหล็กแปรรูปในประเทศกัมพูชาด้วย โดยผ่านโครงการ YEN-D ที่มีการรวมกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจไทยในโครงการดังกล่าว เพื่อแลกเปลี่ยนการทำตลาดร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน อย่างในจังหวัดเสียมราฐ ที่มีการนำร่องเข้าตลาดไปบ้างแล้ว ด้วยมองว่าหลังจากเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) แล้ว ภาครัฐจะเข้ามาสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจไทยในการขยายตลาดมากขึ้น
บริษัทมองว่าในอนาคตจะมีสัดส่วนรายได้จากตลาดเออีซี เพิ่มเป็น 10-20% ภายใน 1-2 ปี และเพิ่มเป็น 40% ภายใน 5-10 ปี จากปัจจุบันสัดส่วนรายได้หลักอยู่ในประเทศราว 80-90% แต่จากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ ชะลอตัวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งกระทบยังภาพรวมกำลังซื้อในประเทศที่ส่งผลให้ธุรกิจมีอัตราการเติบโตคงที่ อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้บริษัทหันมาให้ความสำคัญต่อการทำตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในเพื่อนบ้านมากขึ้นนับจากนี้
ด้วยแนวคิดว่า Let’s Go Our Business Together หากเข้าสู่เออีซีแล้วธุรกิจก็จะต้องโตไปด้วยกัน


