ประจวบฯเดินหน้าด่านสิงขร เร่งพัฒนา 32 โครงการ

โดย...ไชยวัฒน์ สาดแย้ม

ภายหลังการยกระดับด่านสิงขร ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นจุดผ่อนปรนพิเศษ มูลค่าการค้าชายแดนไทย-เมียนมาทางด้านด่านสิงขรก็เพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 20 ล้านบาท หรือปีละประมาณ 200 ล้านบาท โดยแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวทั้งจากฝั่งเมียนมา เดินทางมาท่องเที่ยวในตลาดชายแดนสิงขรไม่ขาดสาย ด่านสิงขรจึงเป็นชายแดนที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว การค้า และการลงทุน แต่ปัญหาสำคัญยังคงเป็นเรื่องที่ด่านสิงขรยังไม่ได้รับการประกาศให้เป็นจุดผ่านแดนถาวร จึงยังเป็นอุปสรรคที่ทำให้การพัฒนาการค้าการลงทุนระหว่าง 2 ประเทศ ยังไม่สามารถทำได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะด้านการขนส่งสินค้าทางบกที่ยังมีข้อจำกัดเกี่ยวกับกฎระเบียบข้อปฏิบัติในการขนถ่ายสินค้า

ทวี นริสศิริกุล ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ บอกว่า ขณะนี้ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้เร่งศึกษาความเหมาะสมออกแบบรายละเอียด โครงการพัฒนาพื้นที่ชุมชนชายแดนด่านสิงขร ซึ่งมีบริษัท เมกก้าเทค คอนซัลแตนท์ บริษัทที่ปรึกษานำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับร่างผลการศึกษา โดยหลักๆ คือการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการพัฒนาด่านสิงขรเป็นจุดผ่านแดนถาวร ซึ่งมีแผนหลักในการพัฒนารวม 32 โครงการ แยกออกเป็น 6 ด้าน ประกอบด้วย การพัฒนาพื้นที่เฉพาะและอาคารพิเศษ ระบบคมนาคมขนส่ง ระบบระบายน้ำและป้องกันน้ำท่วม ระบบน้ำอุปโภคและบริโภค ระบบรวบรวมบำบัดน้ำเสีย ระบบกำจัดขยะมูลฝอย โดยแผนได้แบ่งออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่ ระยะเร่งด่วน ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เบื้องต้นระยะเร่งด่วน จะเป็นการก่อสร้างอาคารด่านพรมแดน อาคารประกอบและระบบสาธารณูปโภค ระบบรวบรวมน้ำเสียรอบด่านสิงขร

ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า เส้นทางคมนาคมนั้นได้มีการศึกษาเอาไว้ถึง 4 เส้นทาง แต่จะให้มีเส้นทางหลักๆ เพียง 1 เส้นเท่านั้น ซึ่งที่เหลือจะเป็นเส้นทางสำรอง โดยเส้นทางได้แบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงถนนเพชรเกษมมาถึงด่านได้วางระบบให้พัฒนาเป็น 4 เลน ซึ่งสอดคล้องกับกรมทางหลวงชนบท ที่ได้วางแผนพัฒนาเส้นทางหมายเลข 1039 เป็นเส้นทางหลวงพิเศษอาเซียน ส่วนเส้นทางจากด่านไปชายแดนเมียนมา จะเป็นเพียง 2 ช่องจราจร เพราะติดเรื่องของความลาดชันของเขา ส่วนตรอกและซอยต่างๆ ในตัวด่านสิงขรนั้นได้มีการวางแผนรองรับการขยายตัวของด่านสิงขรเอาไว้ด้วยแล้ว ซึ่งรวมไปถึงการเชื่อมเส้นทางคมนาคมถึงสถานีรถไฟและท่าเรือคลองวาฬในอนาคต ด้านระบบกำจัดขยะมูลฝอย มีการเสนอให้ภาคเอกชน เข้าร่วมทำระบบรีไซเคิล ซึ่งปัจจุบันมีเทคโนโลยีมากมาย ที่จะช่วยขยะมูลฝอยที่ผ่านระบบ จะเหลือทิ้งมีเพียงน้อยนิด ซึ่งคาดว่าหากเปิดด่านพรมแดนถาวรด่านสิงขรแล้ว จะมีมูลค่าการค้าผ่านพิธีการศุลกากรปีละไม่ต่ำกว่า 3.6 หมื่นล้านบาท และจะมีการขยายตัวทางด้านคมนาคมขนส่ง การท่องเที่ยวตามมาอีกมากมาย

ด้าน สมพร ปัจฉิมเพ็ชร นายอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า จากการสำรวจพบว่าชาวเมียนมาจำนวนมากให้ความสนใจที่จะมาเที่ยว จ.ประจวบคีรีขันธ์ หากไทยเปิดเส้นทางนี้เป็นด่านถาวรเมื่อไร ก็เชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยว จ.ประจวบคีรีขันธ์เพื่อต่อเข้าไปเมืองมะริด และจากเมียนมาก็จะเข้ามาเที่ยว จ.ประจวบคีรีขันธ์ ถือเป็นโอกาสของการท่องเที่ยว เชื่อมโยงการค้า การลงทุนของ จ.ประจวบคีรีขันธ์ได้เป็นอย่างดี ดังนั้นทางการไทยได้ขยายเวลาให้ชาวเมียนมา เข้ามาได้ถึง อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ พักค้างคืนได้ 3 คืน 4 วัน และกลับออกทางช่องทางเดิมตามเวลาที่ด่านเปิด 08.30 น.และปิด 18.30 น. ส่วนการขนถ่ายสินค้านั้นขณะนี้ทางฝ่ายเมียนมาให้รถเข้าไปได้ถึงศูนย์ราชการของบ้านมูด่อง ในฝั่งเมียนมา