บูมท่องเที่ยว-การค้าระนอง ดันธุรกิจพุ่ง 3 หมื่นล้าน
แม้ว่าจะเป็นเมืองเล็กๆ แต่ จ.ระนอง ถือเป็นอีกหนึ่งเมืองหน้าด่านชายแดนติดกับประเทศเมียนมาที่มีความน่าสนใจอย่างมาก
โดย...จะเรียม สำรวจ
แม้ว่าจะเป็นเมืองเล็กๆ แต่ จ.ระนอง ถือเป็นอีกหนึ่งเมืองหน้าด่านชายแดนติดกับประเทศเมียนมาที่มีความน่าสนใจอย่างมาก เนื่องจากการเดินทางจากระนองทางเรือไปยังจังหวัดเกาะสอง ของเมียนมา ใช้เวลาเพียง 10-15 นาทีเท่านั้น ทำให้การค้าระหว่างไทย-เมียนมาคึกคัก ประชากรระนอง มีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีอยู่ที่ 8.3 หมื่นบาท
ปัจจุบัน จ.ระนอง มีประชากรประมาณ 1.8 แสนคน ไม่นับรวมแรงงานจากเมียนมาอีก 7-8 หมื่นคน กระจายอยู่ใน 5 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง จ.ระนอง อ.ละอุ่น อ.กะเปอร์ อ.กระบุรี และ อ.สุขสำราญ
สุริยันต์ กาญจนศิลป์ ผวจ.ระนอง กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของ จ.ระนอง ในขณะนี้ถือว่ามีความคึกคักอย่างมาก เนื่องจากมีแนวชายแดนติดต่อกับจังหวัดเกาะสอง ประเทศเมียนมา จึงทำให้ไทยและเมียนมามีการค้าขายบริเวณชายแดนอย่างคึกคัก และถ้าหากมองในด้านของการท่องเที่ยว จ.ระนอง ถือเป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สมบูรณ์อีกจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย เพราะเป็นจังหวัดที่มีความหลากหลายในด้านของการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวทางทะเล การท่องเที่ยวประวัติศาสตร์ หรือการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
จากความสมบูรณ์ดังกล่าว ผู้ว่าฯ ระนองได้กำหนดยุทธศาสตร์การขับเคลื่อน เพื่อให้ จ.ระนอง มีภาพรวมทางเศรษฐกิจที่เติบโตมากขึ้นด้วย 4 ยุทธศาสตร์สำคัญ ประกอบด้วย 1.การส่งเสริม
สุขภาพ 2.การส่งเสริมเกษตรชุมชน 3.ความเป็นเมืองน่าอยู่ และ 4.การค้าชายแดน
“ยุทธศาสตร์ที่อยากจะให้ความสำคัญนับจากนี้ คือ ยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพราะธรรมชาติทุกอย่างใน จ.ระนอง ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นภูเขา ต้นไม้ ป่าชายเลน หรือแม่น้ำ นอกจากนี้ยังมีเกาะต่างๆ ที่กระจายอยู่ทั่วจังหวัดประมาณ 62 เกาะ ทำให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวใน จ.ระนอง จำนวนมาก” สุริยันต์ กล่าว
อีกหนึ่งจุดขายทางธรรมชาติที่ผู้ว่าฯ ระนองให้ความสำคัญ คือ น้ำแร่ เนื่องจากน้ำแร่ของ จ.ระนอง ถือเป็นน้ำแร่ที่ดีที่สุดติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก ทำให้มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางเข้ามา
ยุทธศาสตร์ต่อมาที่ให้ความสำคัญ คือ การค้าชายแดน นอกจากจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาให้ จ.ระนอง เป็นศูนย์กลางขนส่งทางน้ำแล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดระนองยังมีแผนที่จะพัฒนาการขนส่งทางบกด้วยการขยายถนนเป็น 4 เลน เพื่อความคล่องตัวในการขนส่งสินค้า
สำหรับสินค้าที่ผู้บริโภคเมียนมามีความต้องการจากฝั่งไทยมากที่สุดยังคงเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค ตามด้วยน้ำมันและวัสดุก่อสร้าง คิดเป็นมูลค่าส่งออก 2.1 หมื่นล้านบาท/ปี ขณะที่การนำเข้าสินค้าจากเมียนมามีมูลค่าเพียง 2,000 ล้านบาท/ปีเท่านั้น
ขณะที่ระนองมีท่าเรือที่มีศักยภาพ มีความพร้อมในการส่งออก และนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่ม BIMSTEC ได้แก่ ประเทศบังกลาเทศ ภูฏาน อินเดีย เมียนมา เนปาล
ศรีลังกา และไทย มีด่านชายแดนที่เป็นจุดการค้าถาวร 4 จุด ใน อ.เมือง และจุดผ่อนปรนอีก 1 จุด ตั้งอยู่ใน อ.ละอุ่น ซึ่งสินค้าส่งออกที่สำคัญของ จ.ระนอง คือสินค้าอุปโภคและบริโภค น้ำมันเชื้อเพลิง ปูนซีเมนต์ เครื่องดื่ม เบียร์ และกาแฟสำเร็จรูป
จากความคึกคักทางการค้าและการท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นใน จ.ระนอง จากความร่วมมือของทั้งภาครัฐและเอกชน ส่งผลให้พาณิชย์ จ.ระนอง คาดการณ์ว่ามูลค่าการค้าชายแดนในสิ้นปีนี้น่าจะปรับตัวสูงขึ้นจาก 2.3 หมื่นล้านบาท เป็น 3 หมื่นล้านบาท


