‘ดองไน’ ทำเลติดปีก โอกาสอุตฯไฮเทค-บริการ
“ดองไน เป็น 1 ใน 3 จังหวัดใหญ่ที่เป็นฐานอุตสาหกรรมของประเทศเวียดนาม”
โดย...ตะวัน หวังเจริญวงศ์
“ดองไน เป็น 1 ใน 3 จังหวัดใหญ่ที่เป็นฐานอุตสาหกรรมของประเทศเวียดนาม”
นี่คือคำจำกัดความเบื้องต้นเกี่ยวกับจังหวัดดองไน จากปากของ สมหะทัย พานิชชีวะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมตะ วีเอ็น
เธอเล่าว่า ดองไนเป็นจังหวัดประวัติศาสตร์ที่มีคนเห็นศักยภาพมาตั้งแต่อดีต แม้กระทั่งสมัยที่สหรัฐเข้ามาตั้งฐานทัพในเวียดนาม ก็เลือกใช้ดองไนเป็นฐานทัพหลัก เพราะดองไนมีชัยภูมิที่ดี มีภูเขาสูงที่เห็นได้รอบทิศ มีแหล่งน้ำให้ดื่มให้ใช้ตลอดเวลา รวมถึงมีทะเลที่สะดวกแก่การเดินทางเข้าออก
ล่วงเลยมาถึงปัจจุบัน ศักยภาพดังกล่าวยังคงมีอยู่เต็มเปี่ยม พื้นที่สูงทำให้เหมาะแก่การปลูกโรงงาน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ แหล่งน้ำทำให้ที่นี่อุดมสมบูรณ์กลายเป็นแหล่งที่ผลิตปลาแสนอร่อย พื้นที่ติดทะเลยังทำให้มีท่อก๊าซส่งเข้ามาที่นี่ และทำให้เมืองแห่งนี้มีโรงไฟฟ้าที่ผลิตจากก๊าซถึง 3,600 เมกะวัตต์
เธอเสริมว่า ดองไนยังมีจุดเด่นหลักอีก 4 ข้อ ได้แก่ 1.ทำเล ดองไนอยู่ห่างจากท่าเรือกั๊กไลและท่าเรือน้ำลึกก๋ายแม็บ ซึ่งเป็นท่าเรือน้ำลึกขนาดใหญ่ที่สุดของเวียดนามเพียง 30-50 กิโลเมตร มีถนนหมายเลข 1 เป็นถนนหลักเชื่อมโยงการเดินทาง ในอนาคตเวียดนามยังมีแผนจะย้ายสนามบินนานาชาติหลักของภาคใต้จากโฮจิมินห์ซิตี้มาอยู่ที่ดองไนแทน มีแผนจะพัฒนามอเตอร์เวย์เชื่อมโฮจิมินห์ซิตี้และดองไนเพิ่มเติม ทำให้ดองไนจะเป็น “ทำเลติดปีก” ที่เชื่อมโยงทั้งในประเทศและระหว่างประเทศมีช่องทางโลจิสติกส์ส่งออกสินค้าได้สะดวก
นอกจากนี้ ศักยภาพตลาดและการเข้าถึงตลาดนั้น เฉพาะอำเภอหลักของดองไนอย่างอำเภอเบียนหัวมีประชากรมากถึง 1.2 ล้านคน เนื่องจากประชากรอพยพเข้ามาทำงานในนิคมอุตสาหกรรมของที่นี่ ซึ่งตั้งมานานร่วม 20 ปี ดองไนยังอยู่ห่างจากเมืองหลักของภาคใต้อย่างโฮจิมินห์ซิตี้เพียง 30 กิโลเมตร เสมือนกรุงเทพฯ-สมุทรปราการ แม้ปัจจุบันตลาดในประเทศยังอาจไม่ได้มีศักยภาพสูงเท่าการใช้เป็นฐานการผลิตและส่งออก แต่ก็เป็นตลาดที่มีศักยภาพน่าสนใจในอนาคต
“หากมองตลาดภายในประเทศของเวียดนาม ต้องรู้ว่าคนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ที่ภาคใต้ และภาคใต้ยังเป็นภาคที่ประชากรร่ำรวยที่สุด รองลงไปจึงเป็นภาคเหนือและภาคกลาง ดองไนจึงเป็นทำเลศักยภาพในการเข้าถึงตลาดภาคใต้ ซึ่งจะเติบโตขึ้นในอนาคต”
2.ทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรม ดองไนกำลังปรับเปลี่ยนทิศทางอุตสาหกรรมจากอุตสาหกรรมทั่วไปไปสู่อุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตสูง (ไฮเทค) และอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูงขึ้น ทำให้ประชากรที่นี่จะมีรายได้มากขึ้น มีกำลังซื้อมากขึ้น
3.สิทธิประโยชน์ สำหรับสิทธิประโยชน์ที่ดองไนได้รับนั้น เปรียบเสมือนสิทธิประโยชน์โซน 1 ที่ไทยให้แก่ผู้ขอรับการสนับสนุน คือดูจากความใกล้ไกลของตัวเมือง เนื่องจากดองไนอยู่ใกล้โฮจิมินห์ซิตี้ จึงถือเป็นเขตใกล้เมืองผู้ที่เข้ามาลงทุนภาคอุตสาหกรรมที่นี่จะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันแรกที่มีกำไร หลังจากครบ 2 ปี จะเสียภาษีต่อไปในอัตราเพียง 15% เท่านั้น
สมหะทัย เสริมว่า สิทธิประโยชน์ดังกล่าวอาจไม่ได้สูงนักเมื่อเทียบกับการเข้าไปลงทุนในพื้นที่ที่เวียดนามกำหนดเป็นเขตเศรษฐกิจ การลงทุนในพื้นที่เหล่านั้นจะให้สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแก่ผู้ที่เข้ามาทำงาน ยกเว้นค่าเช่าที่ดิน 50 ปีด้วย แต่หากเทียบกันด้วยทำเล พื้นที่เขตเศรษฐกิจมักเป็นพื้นที่ที่อยู่ไกลตัวเมืองออกไปนับร้อยกิโลเมตร สู้ทำเลที่อยู่ใกล้ตัวเมืองไม่ได้
“เรื่องนี้ก็เหมือนกรุงเทพฯ-สมุทรปราการ เช่นกัน จริงๆ ไม่ต้องให้สิทธิประโยชน์ คนก็ไปลงทุนกันอยู่แล้ว เพราะเป็นจังหวัดที่ติดเมืองเลย มาลงทุนที่นี่ยังได้รับสิทธิประโยชน์ 2 ปีเต็มๆ ด้วย”
4.การอำนวยความสะดวกการลงทุน จังหวัดพยายามสร้างระบบทำงานออนไลน์กับนักลงทุนต่างชาติ โรงงานในนิคมต่างๆ มากขึ้น ผู้ที่เข้ามาลงทุนสามารถส่งแบบฟอร์มนำเข้าและส่งออกผ่านออนไลน์ได้ นอกจากนี้ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (วันสต็อปเซอร์วิส) ของที่นี่ยังอนุมัติได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ บริษัทเคยได้รับอนุมัติเร็วสุดภายใน 6 ชั่วโมงเท่านั้น
ปัจจุบันนักลงทุนไทยไม่ค่อยเข้ามาที่ดองไนมากนัก เนื่องจากที่ดินในดองไนมีราคาแพง อีกทั้งอุตสาหกรรมไฮเทคที่คนไทยถนัดอย่างชิ้นส่วนยานยนต์ก็ไม่สอดคล้องกับความต้องการของเวียดนาม แต่ผู้ที่สนใจยังสามารถเลือกลงทุนในอุตสาหกรรมที่จะได้รับสิทธิประโยชน์จากความตกลงต่างๆ เช่น ความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (ทีพีพี) ได้
อย่างไรก็ตาม เธอมองว่าโอกาสของธุรกิจไทยในดองไนไม่จำเป็นต้องเป็นภาคอุตสาหกรรม หลังจากบริษัท อมตะ วีเอ็น เข้ามาพัฒนานิคมอุตสาหกรรมอมตะ เบียนหัวในดองไนไปแล้ว ยังมีแผนจะพัฒนาโครงการอมตะซิตี้ลัมถั่น โดยแบ่งพื้นที่ 60% สำหรับพัฒนาเมืองเอื้อประโยชน์แก่ผู้ที่ต้องการลงทุนพัฒนาคอมมูนิตี้มอลล์ ที่อยู่อาศัย โรงเรียน หรือดำเนินธุรกิจบริการอย่างร้านอาหาร เพราะคนไทยเองก็มีศักยภาพด้านการบริการอยู่แล้ว
ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ หนังสือพิมพ์ M2F ร่วมกับบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ (เอพีเอ็ม) บริษัท อมตะ วีเอ็น จะจัดสัมมนาเรื่อง “กรุงเทพฯ-โฮจิมินห์ สะพานเศรษฐกิจแห่งอนาคต” ในวันที่ 18 ธ.ค.นี้ ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เอเชียน่า ไซ่ง่อน โฮจิมินห์ซิตี้ ประเทศเวียดนาม เพื่อช่วยให้นักธุรกิจไทยได้ลงพื้นที่และรับทราบข้อมูลเชิงลึกจากผู้เกี่ยวข้องทั้งชาวไทยและเวียดนาม


