‘วาเล่ย์-หนองหลวง’ เส้นทางลัดผ่านพม่าเข้า‘อุ้มผาง’
แม้การเจรจาเพื่อขอใช้เส้นทาง
โดย...อัศวิน พินิจวงศ์
แม้การเจรจาเพื่อขอใช้เส้นทาง
“วาเล่ย์-หนองหลวง” จาก ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก ผ่านเข้าประเทศพม่า เพื่ออ้อมภูเขาระยะทางร่วม 27 กิโลเมตร ลัดเข้าไปยัง อ.อุ้มผาง จ.ตาก จะอยู่ในขั้นตอนประสานงานระหว่างกระทรวงการต่างประเทศของไทยและพม่า แต่สำหรับชาวบ้านในพื้นที่ต่างใช้เส้นทางสายนี้กันมาได้ระยะหนึ่งแล้ว
ล่าสุด พล.ต.นพพร เรือนจันทร์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 4 (พล.ร.4) ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ชายแดนด้านนี้ ได้เดินทางมายัง อ.พบพระ เพื่อประชุมร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังเชิญนายซอมู นายอำเภอวาเล่ย์ใหม่ อำเภอวาเล่ย์ใหม่ จังหวัดเมียวดี ซึ่งอยู่ตรงข้าม อ.พบพระ เข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อหารือกับผู้แทนฝ่ายพม่าและฝ่ายกะเหรี่ยง ในการพัฒนาความร่วมมือและความสัมพันธ์ระหว่างกันในทุกๆ ด้าน
ประเด็นการประชุมที่น่าสนใจและหลายฝ่ายจับตาอย่างมาก คือ ความร่วมมือในการใช้เส้นทางวาเล่ย์-หนองหลวง ซึ่งเส้นทางผ่านในพม่านั้น อยู่ในเขตอิทธิพลของกองกำลังกะเหรี่ยงดีเคบีเอและกองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นยู ซึ่งล่าสุดมีกระแสข่าวกลุ่มกะเหรี่ยงห้ามผ่านเส้นทางดังกล่าว
การสอบถามข้อมูลในที่ประชุม ได้ข้อสรุปว่า พื้นที่ด้านตรงข้าม อ.พบพระ นั้นอยู่ในเขตของกองกำลังดีเคบีเอ ส่วนพื้นที่ด้านใต้ตรงข้าม อ.อุ้มผาง นั้นเป็นเขตของเคเอ็นยู ซึ่งทั้งสองกลุ่มไม่ได้ห้ามหรือปิดเส้นทางแต่อย่างใด เพียงแต่ฝ่ายพม่าและชนกลุ่มน้อยขอทำระบบการจดทะเบียนเลขรถของฝ่ายไทยเพื่อการตรวจสอบ และดูแลการใช้เส้นทาง โดยจะได้มีการกำหนดเวลาในการเดินทางแต่ละวัน ซึ่งกำลังมีการพิจารณาระยะเวลาหรือห้วงเวลาที่จะอนุญาตให้ใช้เส้นทาง
ผลการหารือสรุปว่าการเดินทางผ่านช่องทางบ้านวาเล่ย์เหนือไปบ้านหนองหลวง อ.อุ้มผาง รถยนต์ของราษฎรไทยที่ขนพืชผลการเกษตรที่ดำเนินการมาแต่เดิม และราษฎรไทยที่ใช้ผ่านสัญจรแต่เดิมเช่นกันหรือเป็นวิถีชีวิตเดิมคงใช้ได้ตามปกติในช่วงเวลากลางวัน
หลังจากนี้ การต่อยอดการพัฒนาเส้นทาง ก็คงเป็นเรื่องที่กระทรวงการต่างประเทศและกรมทางหลวงของไทย ต้องเร่งประสานกับฝ่ายพม่าเป็นการด่วน เพื่อเสริมให้การพัฒนาพื้นที่ชายแดน ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของทั้งสองประเทศต่างเร่งพัฒนา มีความคืบหน้า และเป็นช่องทางการติดต่อค้าขาย รวมถึงเส้นทางลัดเพื่อการท่องเที่ยวในอนาคต


