สื่อเขมรแฉรพ.ดังในไทยพัวพันขบวนการค้าไต
กัมพูชาเดลีเผยตำรวจเขมรจับนายหน้าลักลอบค้าไตรายใหญ่ของประเทศ สารภาพโรงพยาบาลชื่อดังในไทยมีส่วนพัวพัน
กัมพูชาเดลีเผยตำรวจเขมรจับนายหน้าลักลอบค้าไตรายใหญ่ของประเทศ สารภาพโรงพยาบาลชื่อดังในไทยมีส่วนพัวพัน
เจ้าหน้าที่ตำรวจกัมพูชาเปิดเผยต่อหนังสือพิมพ์กัมพูชา เดลี ว่าสามารถจับกุมตัว น.ส. ซินวน หรือน.ส.เยม อาซิซาห์ วัย 29 ปี และนายเหนม พาลลา วัย 40 ปี พ่อเลี้ยงของน.ส. เยม 2 นายหน้าลักลอบค้าไตรายใหญ่ของประเทศ เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมาภายในพื้นที่กรุงพนมเปญ
ผู้ต้องสงสัยรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา และมีสิทธิ์ต้องโทษจำคุกนาน 20 ปี จากคำสารภาพของผู้ต้องหาทั้ง 2 รายยอมรับว่าเป็นนายหน้าคอยติดต่อหาซื้อไตให้กับผู้ป่วยที่รอการเปลี่ยนไตในเมืองไทย โดยมีคำสั่งซื้อจากแพทย์ในเมืองไทยอีกทอดหนึ่ง
ด้าน พ.ต.ท. ขิว เธีย เปิดเผยว่า การจับกุมผู้ต้องสงสัยครั้งนี้มีขึ้นหลังเจ้าหน้าที่ได้รับคำร้องเรียนจากเหยื่อ 1 ใน 5 รายที่โดนหลอกขายไตไป ขณะที่เหยื่ออีกหนึ่งรายมีอายุเพียง 15 ปีขณะเข้ารับการผ่าตัดไตที่โรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และเหยื่ออีก 2 รายเป็นบรรดาน้องชายและญาติของน.ส. เยม เอง
เหยื่อทุกรายระบุตรงกันว่า ได้รับเงินน้อยกว่าที่ตกลงกันไว้ว่าจะอยู่ที่ระหว่าง 10,000 - 13,000 เหรียญสหรัฐ (ราว 3.2 - 4.16 แสนบาท) ต่อราย ทว่า เงินที่ได้รับจากนายหน้าทั้งสองเพียงแค่ 5,000 เหรียญสหรัฐเท่านั้น (ราว 1.6 แสนบาท) ขณะที่บางรายได้เพียง 3,000 เหรียญสหรัฐ (ราว 9.6 หมื่นบาท)
"เจ้าหน้าที่จะจัดส่งตัวทั้งสองไปยังศาลเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในการลักลอบค้ามนุษย์และจัดทำเอกสารปลอมยินยอมบริจาคไต โดยภายใต้กฎหมายกัมพูชา แม้บุคคลนั้นจะยินยอมขายไต แต่การตัดแยกอวัยวะก็ยังนับเป็นความผิดอยู่ดี" พ.ต.ท. ขิวระบุ พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า จะส่งตัวน.ส. เยมและพ่อเลี้ยงไปยังศาลแขวงพนมเปญภายในวันพฤหัสบดีที่ 3 ก.ค.
ทั้งนี้ ผู้ต้องหา เปิดร้านขายกาแฟเล็กๆ ในกรุงพนมเปญเป็นฉากหน้า พร้อมกับทำหน้าที่นายหน้าคอยจัดหาไต โดย นายเหนม จะเป็นผู้จัดเตรียมเอกสารปลอมเพื่อแสดงตัวว่าเป็นผู้บริจาคไต ตามคำสั่งซื้อไตจากแพทย์ในเมืองไทย เมื่อได้ล่อลวงเหยื่อได้แล้ว น.ส. เยมจะพาเหยื่อเดินทางมาเมืองไทยเพื่อเข้ารับการผ่าตัดไต
"น.ส.ซินวนจะเป็นคอยชักชวนหลอกล่อเหยื่อหนุ่มสาว หลังจากนั้นก็จะเป็นนายหน้าเจรจาราคาระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย โดยจะหักเงินจากการขายไตของเหยื่อ" พ.ต.ท. ขิว กล่าวก่อนเปิดเผยต่อว่า ผู้ต้องหาจะคอยโก่งราคาจากคนไข้ที่เฝ้ารอการเปลี่ยนไต โดยหลังจากเดินทางมาถึงเมืองไทย เหยื่อจะได้รับเอกสารปลอมจากนายหน้าฝ่ายไทย ซึ่งจะเปลี่ยนนามสกุลเพื่อให้สะดวกต่อการเป็นผู้บริจากไตให้คนไข้รอเปลี่ยนไตในประเทศไทย
ทั้งนี้ ข่าวลือเรื่องการลักลอบค้าอวัยวะมนุษย์ในกัมพูชามีมานานหลายปีแล้ว แต่พ.ต.ท. ขิว กล่าวว่า ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่จะยุติการลักลอบการค้ามนุษย์ และเสริมสร้างความเชื่อมั่นในมาตรการปกป้องผู้เยาว์ของกัมพูชา


