"อารัง"
“อารัง” เป็นวิญญาณของหญิงสาวนางหนึ่งในตระกูลขุนนางซึ่งเคยมีชีวิตอยู่ในสมัยพระเจ้ามยองจง
โดย...เพียงออ วิไลย [email protected]
“อารัง” เป็นวิญญาณของหญิงสาวนางหนึ่งในตระกูลขุนนางซึ่งเคยมีชีวิตอยู่ในสมัยพระเจ้ามยองจง (ค.ศ. 1545-1567) แห่งราชวงศ์โชซอน แม้ว่านางได้ตายจากภพภูมิมนุษย์ไปแล้วแต่ยังคงเป็นวิญญาณเร่ร่อนอยู่ระหว่างโลกมนุษย์กับโลกวิญญาณ มิอาจก้าวข้ามภพภูมิไปปฏิสนธิในอีกภพหนึ่ง แม้เหล่ายมบาลผู้ปรากฏตัวไล่ล่าวิญญาณทันทีที่มีการจุติ จะได้พยายามมัดนางด้วย “เชือกแดงรัดวิญญาณ” เพื่อนำข้ามทะเลมรณะไปสู่การตัดสินของพญายมราช ทว่า เวลาบนโลกมนุษย์ผ่านไปแล้วถึง 3 ปี ยมบาลก็ยังมิอาจจับวิญญาณเฮี้ยนตนนี้ได้...
ในความเชื่อของสังคมเกาหลีโบราณ ผีวิญญาณของหญิงสาวพรหมจรรย์จะถูกเรียกว่า “ผีสาวโสด” หรือ “ชอนยอควีชิน” ซึ่งเชื่อกันมานานนับพันปีว่าเป็นวิญญาณทุกข์ทรมานที่ไม่สามารถละวางหรือเติมเต็มได้เลยเพราะไม่เคยผ่านการแต่งงานมาก่อน จึงล่อลวงให้หนุ่มๆ ต้องตายในเงื้อมมือปิศาจของนาง (ส่วนผู้ชายไทยน่าจะกลัว “ผีแม่หม้าย” มากกว่าโดยเฉพาะแม่หม้ายวัยดึก)
ตำนานของ “อารัง” ผู้มีห่วงพะวงจนมิอาจไปสู่ภพใดได้ เกิดขึ้นที่เมืองมิรยาง ในจังหวัด คยองซังนัมโด เมื่อยังมีชีวิตอยู่นางเป็นคุณหนูผู้งดงามแห่งตระกูล “ยุน” ซึ่งผู้บิดาเป็นเจ้าเมืองมิรยาง นั้น ต่อมาแม่นม (พี่เลี้ยง) ของนางได้รับเงินสินบนจาก “แบกกา” ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ชั้นต่ำของทางการ ผู้ที่หลงรักในตัวนางขอให้ลวงนางออกไปเดินเล่นชมแสงจันทร์ที่ “ยองนัมรู” บริเวณหน้าผาเพื่อบอกความในใจ ทว่า คุณหนูยุนปฏิเสธและเกิดการยื้อยุดกันไปมา “แบกกา” พลั้งมือฆ่าคุณหนูยุน เขาจึงทิ้งศพนางลงจากหน้าผาและไม่มีใครหาคุณหนูยุนพบอีกเลย
ส่วนแม่นมตัวร้ายก็กลัวความผิดจึงได้โกหกท่านเจ้าเมืองไปว่า คุณหนูยุนได้หนีตามชายชนชั้นต่ำกว่าไป ท่านพ่ออับอายและเสียใจมากเนื่องจากในสมัยโชซอนตระกูลขุนนางมีเรื่องอื้อฉาวดังนี้มิได้ โดยเฉพาะการที่บุตรมีคู่ที่ต่ำกว่าชนชั้นตนเองถือเป็นการผิดจารีตประเพณีที่ร้ายแรง ท่านพ่อจึงลาออกจากตำแหน่งเจ้าเมืองและย้ายกลับไปอยู่เมืองหลวงฮันยาง (กรุงโซล) นับแต่นั้นมา เมื่อใดที่มีเจ้าเมืองคนใหม่มา ผี “ชอนยอควีชิน” ในชุดขาวผมยาวสยายมีรอยเลือดทะลักออกมาจากร่างก็จะปรากฏตัวขึ้นในห้องนอนของเจ้าเมืองกลางดึกเพื่อสื่อสารอะไรบางอย่าง ทว่า เจ้าเมืองแทบทุกคนช็อกตายคาที่ หรือไม่ก็วิ่งหนีจนเสียสติ จนไม่มีใครกล้ารับมาเป็นเจ้าเมืองอีกเลย
กาลผ่านไปกว่า 3 ปี คราวนี้เมืองมิรยาง ได้ต้อนรับเจ้าเมืองคนใหม่ที่มีสติและจิตตั้งมั่นดีเยี่ยม เขาพบผีอารัง ดวงจิตที่ติดยึดในสาเหตุการตายของตนเองและสื่อสารกันได้ นางจึงร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมและแสดงเบาะแสให้จนเจ้าเมืองสามารถสืบสาวไปจนพบศพของนางและชี้ตัวผู้กระทำผิดได้หมด ผีอารังจึงสิ้นความคับแค้นใจและจุติไปยังภพอื่นได้ ผู้คนแทบจะไม่เชื่อเลยว่าแม่นมผู้เลี้ยงดูนางมาจะสมคบกับลูกน้องในบังคับบัญชาของท่านบิดาและกลายเป็นผู้ร้าย ซึ่งในสำนวนเกาหลีเรียกว่า “ยอลคิล มุ้ล ซ๊กกึล อาราโด้ ฮันคิล ซารัม ซ๊กกึล โมรึนด๊ะ” แปลว่า แม้จะเห็นน้ำที่ลึกลงไป 10 คิล (หน่วยวัดของเกาหลี) ได้ แต่มิอาจเห็นความในใจของมนุษย์แม้เพียง 1 คิล...ใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึงจริงๆ
เรื่องราวของอารังจึงได้เป็นตำนานอมตะของเมืองมิรยาง ที่บรรพบุรุษได้เล่าขานกันมา โดยสอดแทรกคำสอนไว้ถึง 3 เรื่อง คือ เตือนสติให้คนทั่วไปรู้ว่า “คนเราทำเลวชั่วอย่างไรไว้ สักวันความจริงก็ต้องเปิดเผย” เวรกรรมมีจริง... “คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ” และสุดท้าย “สติจะพาพ้นภัย” ให้มีสติ อย่ากลัวอย่างไร้เหตุผล จนสติแตกแบบเจ้าเมืองที่ต้องมาตายเพราะกลัวผีอารังทุกคน...


