posttoday

‘เจ้าหญิงด๊อกมาน’ ผู้หยั่งรู้ฟ้าดินแห่งซิลล่า

02 พฤษภาคม 2553

 

 

โดย เพียงออ วิไลย/[email protected]

 

เจ้าหญิงด๊อกมานเพ่งมองดูของขวัญในกล่องด้วยความสนพระทัยยิ่ง สิ่งที่อยู่ข้างในคือเมล็ดพันธุ์พืชกับรูปวาดดอกไม้แสนสวย ..พระเจ้าจินพยองแห่งซิลล่า พระบิดา หยิบเมล็ดขึ้นมาพิจารณา พลางกล่าวว่า นี่คือเมล็ดพันธุ์ของต้นโมราน (ธ๐ถ๕ โบตั๋น) ส่วนรูปวาดบอกว่าดอกโมรานหน้าตาเป็นอย่างไร เป็นของขวัญที่พระจักรพรรดิถังไท่จง ผู้ปกครองดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาลทางเหนือ ทรงประทานมาให้เราปลูกไว้ชื่นชมความงาม” ... ใบหน้าฉลาดเฉลียวเกินกว่าพระชันษาทำท่าครุ่นคิด พลันพระเนตรเบิกกว้างกลอกไปมาราวกับเพิ่งค้นพบสิ่งที่สำคัญยิ่ง ท่านพ่อ ดอกโมรานนี้สวยก็จริงเพคะ แต่น่าเสียดายที่มันไม่หอม” ... ต่อมาเมล็ดถูกปลูกลงดินเจริญงอกงาม และในวันที่ดอกโมรานบาน ทุกคนในพระราชวังต่างไปเฝ้าชม ได้ยินเสียงผู้คนพูดกันอื้ออึงว่า ..สวยแต่ไม่มีกลิ่นหอมจริงๆ ... ในวันนั้นหลายคนทูลถามว่า เจ้าหญิงทรงทราบล่วงหน้าได้อย่างไร เจ้าหญิงจึงเฉลยว่า ..เจ้าดอกโมรานนี้เป็นเช่นเรา ..ในรูปวาด ดอกไม้ไร้ผีเสื้อและแมลงดอมดมฉันใด ..ก็เหมือนกับเราสตรีผู้หาบุรุษเคียงกายไม่ได้ฉันนั้น”...โอ้ว...สุดยอดคำคมพันปีมาจากราชสำนักซิลล่านี่เอง...

เชกาก็เคยสงสัยค่ะว่า อุเหม่ ทำไมคนเกาหลีถึงได้รู้สึกมั่นอกมั่นใจในประวัติศาสตร์ของตัวเองซะเหลือเกิน มีรายละเอียดปลีกย่อยเหมือนโม้เพื่อนบางคนคุยฟุ้งถึงเรื่องราว 2,0003,000 ปีก่อน (3,000 ปีนี่ไม่ค่อยน่าเชื่อเลย) ..แต่ต่อมาภายหลังจึงได้รู้ว่าเป็นเพราะสื่อวัฒนธรรมในการเขียนของจีนสมัยโบราณ กระดาษ น้ำหมึก และลายสือจีนได้แพร่ขยายไปดินแดนทางใต้จรดปลายคาบสมุทรเกาหลี กระดาษเปื่อยก็คัดลอกกันใหม่เสียที ดังนี้เกาหลีจึงใช้ตัวอักษรจีนโบราณจารึกประวัติศาสตร์สืบต่อกันมา ก่อนที่ พระเจ้าเซจงจะปลดแอกวัฒนธรรม ประดิษฐ์ลายสือเกาหลีเป็นของตนเองเมื่อ 500 กว่าปีที่แล้ว

ส่วนบันทึกที่สำคัญใน ยุคสามก๊กนั้น (โคคุรยอ. .ซิลล่า, แพกเจ เป็นคนละสามก๊กกับของจีนนะคะ ได้เล่าในบทความฉบับที่แล้ว) โชคดีที่มี ซัมกุกซากิ ฑนป็ฑโและ ซัมกุกยูซา ป๏ฑนภฏป็” (ซัม = 3, กุก = ประเทศ) บันทึกประวัติศาสตร์ 2 ชุดนี้ค่ะ ที่ทำให้ชนรุ่นหลังได้รู้เรื่องราวในอดีตได้ค่อนข้างละเอียดและเป็นเหตุเป็นผล ..แม้ว่าในช่วงต้นๆ จะเป็นการบันทึกข้อสันนิษฐานเสียส่วนใหญ่ก็ตามที เพราะ ซัมกุกซากิถูกจัดทำขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 16561689 หลังจากที่ยุคสามอาณาจักรล่มสลายไปแล้วหลายร้อยปี ไม่ได้บันทึกออนไลน์อย่างทันใดในสมัยสามก๊ก ..การนี้สำเร็จได้โดยพระเจ้าอินจงแห่งราชวงศ์โครยอ ได้มีพระบัญชาให้นักปราชญ์ราชสำนักรวบรวมความรู้ที่ถ่ายทอดผ่านเรื่องเล่าจากความทรงจำของบรรพบุรุษ จากเอกสารเก่าเก็บ จากรูปวาดในอดีต จากนิทาน ตำนานพื้นบ้าน มาจัดทำบันทึกเป็นหลักฐานสู่ชนรุ่นหลัง ..แต่นักประวัติศาสตร์เกาหลีก็ถือว่า ซัมกุกซากิและ ซัมกุกยูซา” (เขียนโดยหลวงพ่ออินรยอน พระสงฆ์เกาหลี ราวปี พ.ศ. 1800) เป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่และนำมาอ้างอิงได้

ในซัมกุกซากิได้เล่าเกี่ยวกับพระสติปัญญาอันเฉียบแหลมของ เจ้าหญิงด๊อกมาน ด๖ธธที่แสดงออกตั้งแต่ทรงพระเยาว์ไว้ กล่าวว่า อันเจ้าหญิงด๊อกมานนั้น ท่านได้บรรลุเป็นผู้หยั่งรู้มาตั้งแต่เยาว์วัยและด้วยความฉลาด ช่างสังเกต (หรือหยั่งรู้) ในเรื่อง ดอกโบตั๋นไร้กลิ่นหอมนี้เอง จึงทำให้พระเจ้าจินพยอง ซึ่งไร้องค์ชายรัชทายาท มีแต่พระราชธิดาหลายองค์ จึงเลือกให้เจ้าหญิงด๊อกมานเป็นรัชทายาท เมื่อพระเจ้าจินพยองเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 1175 เจ้าหญิงจึงได้ขึ้นครองราชย์เป็น พระราชินีซอนด๊อก ซอนด๊อก ยอวาง ผฑด๖ ฟฉฟีกษัตริย์ลำดับที่ 27 ของซิลล่า ซึ่งเป็นกษัตริย์หญิงพระองค์แรกของประวัติศาสตร์เกาหลี

เรื่องดอกโบตั๋นเป็นเพียงหนึ่งใน 3 เรื่องสำคัญที่ชาวซิลล่าประโคมข่าวว่าเป็น การหยั่งรู้อนาคตของพระองค์ เมื่อข่าวแพร่กระจายออกไป จึงสามารถสร้างศรัทธาในหมู่ประชาชนและขุนนาง เสมือนสวรรค์ประทานท่านมาให้ชาวโลก ... ในสมัยซิลล่านั้นผู้คนนับถือและเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น เป็นยุคที่เชื่อทั้งหมอผีวิญญาณและเรื่องราวเหนือธรรมชาติ ควบคู่ไปกับศาสนาพุทธที่เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อจิตใจในภายหลัง ความชอบธรรมของกษัตริย์และราชวงศ์จึงเกี่ยวเนื่องกับความลี้ลับในธรรมชาติที่ยังมิอาจพิสูจน์ได้ในเวลานั้นด้วย ...

พระราชินีซอนด๊อกทรงครองราชย์เป็นเวลา 15 ปี จนถึงปี พ.ศ. 1190 ในประวัติศาสตร์ระบุว่า พระองค์ทรงมิได้อภิเษกสมรสกับผู้ใด ดังที่พระองค์ทำนายไว้ตั้งแต่ก่อนขึ้นครองราชย์ เมื่อทายทักดอกโบตั๋น ... ทว่าราว 20 ปีก่อน ปรากฏหนังสือ ฮวารางเซกิ ศญถ๛ผผฑโที่เขียนขึ้นในสมัยซิลล่า และหายสาบสูญไปเกือบ 700 ปีแล้ว มาค้นพบที่เมืองคิมแฮทางใต้ หนังสือระบุว่ามีตำแหน่ง พระสวามีของพระราชินีซอนด๊อกโดยไม่ระบุชื่อชายท่านนั้น ... จึงกลายเป็นข้อโต้แย้งว่า ฮวารางเซกิซึ่งอ้างว่าได้ลอกกันมาเป็นทอดๆ ฉบับสุดท้ายได้ลอกเมื่อ 100 ปีที่แล้วนั้น เป็นเพียงนิยายอิงประวัติศาสตร์ที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียนเมื่อ 100 ปีก่อน... หาไม่แล้ว หากเป็นจริงนักประวัติศาสตร์คงตกเก้าอี้ไปตามๆ กันค่ะ เพราะจะต้องล้างหนังสือประวัติศาสตร์เกาหลีทุกเล่มที่ใช้เรียนกันมา... อ้าว พื้นที่หมดอีกแล้ว ขอเล่าเรื่องหยั่งรู้ฟ้าดินที่สำคัญอีก 2 เรื่อง ในอาทิตย์หน้าค่ะ...

ข่าวล่าสุด

“รูบิโอ” ตอบสื่อสหรัฐ หวังไทย-กัมพูชา หยุดยิงภายในวันอังคาร