ทรงผมมหาเสน่ห์เทรนด์ "หัวล้าน" คัมแบ็ก
ว่ากันว่าเวลาคนเราเจอคนแปลกหน้า จะมีโอกาสสร้างความประทับใจแรกพบ หรือ “เฟิสต์ อิมเพรสชัน” เพียงแค่ 7 วินาทีเท่านั้น
โดย...ณัฐสุดา จิตตปาลพงศ์
ว่ากันว่าเวลาคนเราเจอคนแปลกหน้า จะมีโอกาสสร้างความประทับใจแรกพบ หรือ “เฟิสต์ อิมเพรสชัน” เพียงแค่ 7 วินาทีเท่านั้น
และในช่วงเวลาอันน้อยนิดนี้ เรียกได้ว่ายังไม่ทันจะเอ่ยปากแนะนำตัวเอง สายตาของอีกฝ่ายก็กวาดมองดูเราตั้งแต่หัวจรดเท้า ราวกับว่ากำลังรอคอยสัญญาณที่จะเริ่มพูดคุยสานสัมพันธ์ หรือไม่ก็ชิงจังหวะเดินหนีไป
ดังนั้น สำหรับใครหลายๆ คน “ภาพลักษณ์” จึงถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะไม่ว่าจะเป็นใบหน้า เสื้อผ้า รูปร่าง ตลอดจนบุคลิกท่าทางต่างๆ แล้ว ล้วนแต่เปรียบเสมือนหน้าต่างสะท้อนตัวตนของเราให้โลกได้รับรู้ทั้งสิ้น แม้จะในระดับที่ฉาบฉวยตื้นเขินก็ตาม
และสำหรับบรรดาหนุ่มๆ ทั้งหลาย เชื่อว่าปัญหาหนักอกที่สุดก็คงหนีไม่พ้นปัญหาผมร่วง ผมบาง และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ศีรษะล้าน” ซึ่งเล่นงานผู้ชายทั้งรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ โดยบางคนนั้นไม่ว่าจะพยายามงัดกลเม็ดเคล็ดลับใดๆ ทั้งกินยา ทรีตเมนต์ หรือเลเซอร์ปลูกผม ก็ไม่สามารถ “แก้ล้าน” ได้ จนในที่สุดต้องยกธงขาวยอมรับชะตากรรมกันไป
อย่างไรก็ตาม จากที่เคยถูกมองว่าเป็น “ปมด้อย” บ่อนทำลายความเชื่อมั่น เปรียบเสมือนสัญลักษณ์บ่งบอกความเป็นชายแก่ รวมทั้งตัวการทำลาย “เสน่ห์” อันน่าหลงใหลของคุณผู้ชาย ปัจจุบัน ทัศนคติต่อคนหัวล้านกำลังเปลี่ยนไป กลายเป็นเทรนด์ทรงผมยอดฮิตที่บ่งบอกถึง “อำนาจ” “ความเป็นชายชาติชาตรี” “ความเก่งกาจ” และแม้กระทั่ง “ความเยาว์วัย” !
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะผลการศึกษาล่าสุดของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียในสหรัฐ ซึ่งได้นำภาพผู้ชาย 1 คน ทั้งในสภาพมีผมกับไม่มีผม มาให้กลุ่มอาสาสมัคร 344 คน ดูพร้อมๆ กัน ผลปรากฏว่าส่วนใหญ่มองว่าชายหัวล้านน่าเกรงขามและดูมีอำนาจมากกว่าผู้ชายที่มีผม ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วทั้งสองคนคือคนคนเดียวกัน
หรือถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายก็คือ แม้จะมีรูปร่างหน้าตาหรือแต่งตัวเหมือนกันก็ตาม แต่จุดเด่นหรือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ชายคนหนึ่งมีเสน่ห์และโดดเด่นกว่าอีกฝ่ายก็คือ เพราะหัวล้าน หรือโล้นนั่นเอง
“ในอดีตปัญหาหัวล้านเคยทำให้ผู้ชายไม่น้อยเครียดจัดมาแล้ว แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าการเป็นคนหัวล้านก็มีข้อดีของมันเหมือนกัน” อัลเบิร์ต แมนส์ หนึ่งในนักวิจัยของมหาวิทยาลัย กล่าว โดยยังเผยอีกว่าสาเหตุที่ตัดสินใจทำการทดลอง “เช็กเรตติ้ง” ผู้ชายหัวล้านครั้งนี้ ก็เพราะเริ่มสังเกตได้ว่าคนรอบข้างปฏิบัติกับตนดีขึ้นราวกับหน้ามือเป็นหลังมือหลังโกนหัว
งานนี้ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้จู่ๆ กระแสดังกล่าวร้อนแรงขึ้นมา ก็คงหนีไม่พ้นอิทธิพลของบรรดาดาราเซเลบโป๊งเหน่งของ ฮอลลีวูดนั่นเอง เช่น บรูซ วิลลิส วิน ดีเซล และเจสัน สเตแธม ที่ไม่เพียงแต่ขึ้นชื่อเรื่องฝีมือการแสดงระดับเทพ หน้าตาอันหล่อเหลา และหุ่นล่ำบึ้กกระชากใจสาวๆ แล้ว แต่บังเอิญ ที่นักแสดงหนุ่มเหล่านี้มักสวมบท “บู๊” จนภาพหนุ่มหัวโล้นกึ่งสกินเฮดกลายเป็นภาพลักษณ์ของความเท่และความเป็นแบดบอยไปในตัว
เช่นเดียวกับอิทธิพลของ “อาชีพ” ต่างๆ ที่ผู้ชายนิยมทรงผมหัวโล้นและสกินเฮด อย่างกีฬาและทหาร ซึ่งล้วนแต่เป็นอาชีพการงานที่ “มาโช” หรือมาดแมนสมชายชาตรีสุดๆ ก็ว่าได้
นอกจากนี้ ยังเป็นผลจากลุค “ผู้ชายมั่น” เทรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน ซึ่งหมายรวมถึงบรรดาคุณผู้ชายที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง กล้าที่จะแตกต่างและกำหนดชะตาชีวิตของตัวเอง
ดังนั้น ผู้ชายคนใดที่มี “ความกล้า” มากพอที่จะโกนผมจนศีรษะโล้น ทั้งที่เคยมีผมเต็มหัว หรือผมเริ่มบางแล้วก็ตาม ก็จะถูกสังคมมองว่าเป็น “ชายมั่น” โดยปริยาย
“แม้คุณจะไม่ใช่คนหล่อหน้าตาดี แต่การโกนผมก็อาจช่วยให้คุณมีเสน่ห์ได้ เพราะเปรียบเสมือนการส่งสัญญาณว่าคุณมั่นใจและมีอำนาจ ไม่เกรงกลัวใคร” แมนส์ กล่าว
และยิ่งเป็นหนุ่มๆ ในโลกธุรกิจ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องดีลกับคนเป็นประจำ หรืออยู่ในตำแหน่งใหญ่โต มีลูกน้องใต้บังคับบัญชา การเป็นคนหัวล้านก็อาจหมายถึง “โอกาส” หรือ “ข้อได้เปรียบ” บางประการที่คนทั่วไปไม่มี
ยกตัวอย่างเช่น การที่ผู้บริหารระดับแถวหน้าของโลก ไม่ว่าจะเป็น เจฟฟรีย์ แคตเซนเบิร์ก ผู้บริหารค่ายภาพยนตร์ชื่อดังอย่างดรีมเวิร์กส์ เจฟฟรีย์ เบซอส ผู้ให้กำเนิดเว็บไซต์อะเมซอน หรือมาร์ก แอนเดรสเซน เจ้าของบริษัท เน็ตสเคป ซึ่งเป็นเว็บเบราเซอร์ตัวแรกๆ ของโลก ต่างพร้อมใจกันตบเท้าเข้าชมรมคนหัวโล้น ก็สามารถการันตีความฮอตของกระแสเทรนด์ผมดังกล่าวได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
“ผมรู้สึกว่าผมดูเด็กลงเวลาหัวโล้น หรืออย่างน้อยคนอื่นๆ ก็เดาอายุผมยากขึ้น ซึ่งเพียงเท่านี้ก็ช่วยให้มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นแล้ว” นักธุรกิจชาวอเมริกันคนหนึ่ง กล่าว สอดคล้องกับความเห็นของ สเตฟาน คาร์ลีย์ ซีอีโอร้านอาหารในเครือเรดโรบิน กูร์เมต์ เบอร์เกอร์ ของเมืองลุงแซม ที่รู้สึกว่าไม่ใช่ “คุณปู่” ในออฟฟิศต่อไปหลังตัดสินใจโกนผม ซึ่งเหลืออยู่หร็อมแหร็มจนแทบจะนับเส้นได้
ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ผลการศึกษายังพบว่าผู้ชายหัวล้านหรือโล้นนั้นยังมีเสน่ห์เหลือร้าย ราวกับว่าศีรษะอันเปลือยโล่งโจ้งและใสกิ๊ง คือแม่เหล็กชั้นดีที่คอยดึงดูดสาวๆ จากทั่วทุกสารทิศ
แน่นอนว่าสิ่งที่สาวๆ มองว่าน่าหลงใหลที่สุดในผู้ชายหัวล้านก็คือ “ความเป็นชาย” “ความมั่นอกมั่นใจ” และที่ติดโผอย่างน่าประหลาดใจก็คือความเชื่อที่ว่า ผู้ชายหัวล้านหรือโล้นนั้น “สูง” กว่าผู้ชายทั่วไป
“ผู้ชายหัวโล้นเซ็กซี่มากๆ ฉันชอบเวลาที่ได้ลูบหัวพวกเขา คล้ายๆ กับการลูบแมวที่บ้าน แต่เป็นความรู้สึกที่ใกล้ชิดผูกพันกว่า” จอย์สลิน มอร์โรว์ ช่างภาพสาวชาวอเมริกัน กล่าว
และเพื่อไม่ให้เป็นการตกเทรนด์ เมื่อไม่นานมานี้เอง ฮัฟฟิงตันโพสต์ สื่อชื่อดังในเมืองลุงแซม จึงได้ทำการจัดอันดับ 10 เมืองในสหรัฐที่บรรดาสาวๆ ท้องถิ่นนั้นปลื้มชายหัวล้านมากที่สุด
หรือถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายก็คือ เป็นดินแดนสวรรค์สำหรับหนุ่มๆ ไร้ผม โดยอันดับที่ 1 นั้นตกเป็นของเมืองฟอร์ท ลอเดอร์เดล ในรัฐฟลอริดา
ว่ากันว่าที่เมืองแห่งนี้ สาวๆ บางคนถึงขั้นยอมพลีกายเพื่อที่จะได้ชายหัวล้านวัยกลางคนสักคนมาครอบครอง
“ผมไม่ทราบว่าทำไมสาวๆ ที่นี่ถึงชอบหนุ่มๆ หัวล้าน แต่ที่แน่ๆ ผมคงไม่กล้าถามพวกเธอหรอก ปล่อยไว้อย่างนี้ก็ดีแล้ว” ชายหัวล้านคนหนึ่งในฟอร์ท ลอเดอร์เดล กล่าว
ด้าน จูลี แรธ ผู้เชี่ยวชาญการส่งเสริมภาพลักษณ์ในนครนิวยอร์ก เผยว่า มักแนะนำให้ลูกค้าที่ผมบาง หรือเหลือผมเป็นหย่อมๆ โกนผมทั้งหมด เนื่องจากสภาพศีรษะที่เปลือยเปล่าให้ความรู้สึกเชิงบวกมากกว่า
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เจ้าตัวก็ยอมรับว่า ท้ายที่สุดแล้วเสน่ห์ของผู้ชายไม่ได้อยู่ที่ว่ามีผมหรือไม่มีผม แต่คือความมั่นใจ ประกอบกับปัจจัยเสริมอื่นๆ อย่างการแต่งกาย อาชีพการงาน และบุคลิกท่าทาง
สอดคล้องกับความเห็นของ เซธ โกดิน นักธุรกิจด้านไอที วัย 52 ปี ซึ่งยอมรับว่า แม้การตัดสินใจโกนผมนับว่าเป็นก้าวที่สำคัญที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเจ้าตัว แต่ท้ายที่สุดก็ยังคงมีสิ่งที่สำคัญเหนือกว่า
“อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าการโกนผมคือกุญแจสู่ความสำเร็จ หรือยาวิเศษที่ช่วยให้ผู้ชายหาแฟนได้ง่ายขึ้น เพราะในความเป็นจริงแล้วหากคุณทำไปโดยปราศจากความมั่นใจและความเชื่อมั่นในตัวเอง โกนไปก็เท่านั้น”


