เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเหล้าขาว
ช่วงเดือน ธ.ค.ที่อากาศบ้านเราเริ่มหนาวเย็นลงนั้น ชาวจีนที่อาศัยอยู่ในดินแดนที่มีพิกัดเหนือเราขึ้นไปหลายลิปดาต้องหันไปพึ่งเสื้อโค้ต
ช่วงเดือน ธ.ค.ที่อากาศบ้านเราเริ่มหนาวเย็นลงนั้น ชาวจีนที่อาศัยอยู่ในดินแดนที่มีพิกัดเหนือเราขึ้นไปหลายลิปดาต้องหันไปพึ่งเสื้อโค้ต
ถุงมือ ถุงเท้า ผ้าพันคอและหมวกกันลมหนาๆ เป็นการใหญ่ เพื่อช่วยปกปิดร่างกายจากลมหนาวที่กำลังพัดพามาอย่างไม่เกรงใจ โดยเฉพาะ่พื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศที่อุณหภูมิลดลงจนต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง การสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกายด้วยการดื่มเหล้าขาวหลายๆ กรึ๊บ ถือเป็นสุดยอดปรารถนาอย่างหนึ่งเลยทีเดียว
น้ำเมาสีขาวใสบริสุทธิ์ที่ว่านี้ถือเป็นสินค้าเด่นที่บ่งบอกถึงความเป็นจีนได้ดีอย่างหนึ่ง ลำพังแค่โรงงานผลิตก็มีกันสามหมื่นกว่าโรงแล้ว นับประสาอะไรกับยี่ห้อเหล้าขาวที่วางขายกันในท้องตลาดซึ่งมีมากถึงเกือบสี่หมื่นยี่ห้อให้เราเลือกสรร ชนิดที่ดังๆ เป็นที่รู้จักอย่างเหมาไถ อู่เหลียงเยี่ย สุยจิ่งฝาง เป็นต้น ก็คงไม่ต้องพูดถึงราคา เพราะหากเป็นประเภทที่คัดสรรคุณภาพมาอย่างดี คนที่มีรายได้ระดับกลางและระดับล่าง คงไม่ซื้อหากินกันอย่างพร่ำเพรื่อ เพราะจัดเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยเลยทีเดียว
อายุของเครื่องดื่มชนิดนี้ก็ยาวนานและแฝงไว้ซึ่งวัฒนธรรมดั้งเดิมของจีน ครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นเครื่องดื่มที่มีไว้สำหรับกษัตริย์และเหล่าราชนิกุล จึงถือเป็นเครื่องดื่มของคนในสังคมชั้นสูง เหล้าขาวบางชนิดยังสงวนไว้สำหรับกษัตริย์แต่เพียงผู้เดียวก็มี แต่เมื่อหมดยุคสังคมศักดินา เหล้าขาวก็กลายเป็นเครื่องดื่มที่ชนทุกชั้นในสังคมสามารถลิ้มรสได้ตามกำลังทรัพย์และความชอบส่วนบุคคล
ในยุคโบราณ นักวรรณคดีหรือจิตรกรจำนวนไม่น้อยต่างสรรค์สร้างบทกวีและภาพวาดที่มีสาระเกี่ยวกับเหล้า ชาวจีนจึงมีความคุ้นเคยกับเครื่องดื่มชนิดนี้เป็นอย่างดี ที่เห็นเด่นชัดได้แก่กวีเอกหลี่ไป๋ที่ดื่มน้ำเมาเพื่อสร้างสุนทรีย์ทางอารมณ์จนสามารถแต่งบทกลอนจรรโลงโลกมากมายให้แก่คนรุ่นหลังได้ชื่นชมผลงานกัน
แน่นอนว่า การลิ้มลองรสชาติของเหล้าขาวถือเป็นการบริโภคทางวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง เนื่องจากเครื่องดื่มชนิดนี้มีส่วนสัมพันธ์กับพิธีกรรมโบราณ ดนตรี การแสดงอุปรากร ซึ่งล้วนแต่เป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน เหล้าขาวจึงเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมโบราณที่อยู่คู่กับวิถีชีวิตชาวจีนในอดีตได้เป็นอย่างดี
ดีกรีของเหล้าขาวในยุคแรกเริ่มนั้นสูงมาก มีทั้ง 67 ดีกรี 65 ดีกรี และ 62 ดีกรี ถือว่าหาน้อยมากสำหรับเหล้าขาวที่ผลิตในประเทศต่างๆ ทั่วโลก แต่ด้วยสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป การดื่มเหล้าที่มีระดับแอลกอฮอล์สูงเช่นนี้ไม่เหมาะกับวิถีชีวิตที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ โรงงานผลิตเหล้าขาวของจีนจึงเริ่มผลิตชนิดที่มีดีกรีลดลงอย่าง 38 ดีกรีบ้าง 39 ดีกรีบ้าง ถือเป็นทางเลือกใหม่ของคอเหล้าที่ไม่ค่อยคุ้นเคยกับเหล้าดีกรีสูงๆ
แน่นอนว่า ช่วงแรกของการนำมาวางขายในตลาด ย่อมไม่เป็นที่ตอบรับ เพราะไม่คุ้นลิ้น รู้สึกว่ายังแรงไม่พอ แต่หลังจากช่วงทศวรรษที่ 90 เป็นต้นมา เหล้าขาวที่มีดีกรีระดับดังกล่าวก็เริ่มเป็นที่แพร่หลายกันในวงเหล้าและงานสังสรรค์ เป็นเหตุให้เหล้าขาวจีนที่เคยมีแต่ดีกรีสูงๆ เริ่มเข้าถึงผู้ที่ดื่มเฉพาะในงานสังคมหรือวัยรุ่นขาโจ๋ที่เริ่มมองเหล้าชนิดนี้ว่าไม่ได้เป็นเครื่องดื่มแบบลูกทุ่ง แบบเชยๆ แบบหยาบๆ ที่ไม่เหมาะแก่ปัญญาชนแต่อย่างใด เพราะผู้ผลิตเริ่มคิดค้นรสชาติและดีกรีเหล้าขาวที่คนวัยนี้ชื่นชอบมากขึ้น
เราคงไม่ได้ดูเหล้าขาวคุณภาพเยี่ยมจากวันเวลาในการผลิตเท่านั้น หากยังต้องพิจารณาจากกรรมวิธีการผลิตและการเก็บรักษาด้วย ทว่า เหล้าขาวที่มีราคาแพงชนิดที่มีการจำกัดจำนวนการผลิตหรือมีการผลิตเพื่อการใดการหนึ่ง ล้วนเป็นของสะสมราคาแพงลิ่วที่ประเมินค่ามิได้ สังเกตจากการประมูลเหล้าขาวในท้องตลาดจีนที่สร้างสถิติสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ยกตัวอย่างเช่นเหล้าเหมาไถ (กุ้ยโจว) ที่ผลิตในปี ค.ศ. 1935 ประมูลกันที่ราคาล้านกว่าหยวน ทำให้ราคาเหล้าขาวยี่ห้อดังๆ ของจีนกลายเป็นที่จับตามองของคนในหลายแวดวง แม้ว่าจะมีการยื่นเรื่องขอจดลิขสิทธิ์ “สินค้าฟุ่มเฟือย” กับทางสมาคมสินค้าฟุ่มเฟือยโลก และตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคมจีนอยู่ช่วงหนึ่ง แต่การเคลื่อนไหวครั้งนั้นนอกจากจะแสดงให้เห็นว่า “เหล้าขาวชั้นเลิศ” ชนิดนี้นอกจากจะเป็นที่หมายปองของบรรดานักลงทุนแล้ว ยังเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตที่เต็มไปด้วยความหรูหราฟุ่มเฟือยได้ดีอีกด้วย
กล่าวกันว่า เหล้าขาวไม่เหมาะสำหรับผู้ที่คอไม่แข็ง ดังเห็นได้จากเรื่องราวการดื่มเหล้าขาวของผู้คนในแวดวงสังคมหรือคนรอบๆ ตัวเรา ในปี ค.ศ. 1972 ประธานาธิบดีนิกสันแห่งสหรัฐเดินทางมาเยือนจีนเป็นครั้งแรก ทางคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหรัฐ ต่างเป็นกังวลกับธรรมเนียมการชนแก้วแล้วดื่มจนหมดแก้วของชาวจีนว่าอาจทำให้ผู้นำท่านนี้ถึงกับเมาหัวทิ่ม จนทำให้เสียการเสียงาน จึงมีการกำชับให้ท่านพยายามแกล้งดื่มตบตา แต่นิกสันก็ไม่ได้ยี่หระกับคำเตือนเหล่านี้ ในระหว่างการพูดคุยกับฝ่ายจีนนั้น ทั้งสองฝ่ายต่างดวลแก้วกันถี่ยิบจนนับไม่ทันว่าดื่มเหมาไถไปทั้งหมดกี่แก้ว ความนิยมชมชอบเหล้าเหมาไถของนิกสันกลายเป็นที่เล่าลือกันกระฉ่อนไปทั่วโลก และถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่เหล้าขาวจีนในตลาดต่างแดนได้ดีอีกด้วย อานิสงส์ที่ได้จากการนี้คือ เหมาไถกลายเป็นที่รู้จักในเวทีโลกมากขึ้นอย่างเห็นเด่นชัด
ตลาดเหล้าขาวของจีนเริ่มเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในช่วงต้นทศวรรษที่ 90 นับจากการสร้างภาพลักษณ์ของเหล้าขาวคุณภาพเยี่ยมอย่างอู่เหลียงเรื่อยไปจนถึงการลงทุนด้วยเม็ดเงินจำนวนมหาศาลไปกับการขายเหมาไถในตลาดต่างประเทศ หลังจากนั้น เหล้าขาวคุณภาพชั้นเลิศนานาชนิดก็เริ่มทยอยกันจับจองตลาดเหล้าในทั่วทุกมุมโลก ผันตัวจากการเป็นเหล้าที่มีชื่อเสียงในประเทศมาเป็นเหล้าขาวที่มีชื่อเสียงในเวทีโลก แม้ว่าวัยรุ่นหัวสมัยใหม่มักมองว่าเหล้าขาวไม่ได้บ่งบอกถึงความทันสมัย แต่สำหรับชาวต่างชาติที่แวะเวียนไปเยือนดินแดนต่างๆ ของจีนล้วนไม่เคยพลาดโอกาสที่จะลิ้มลองเหล้าท้องถิ่น เพราะถือเป็นสีสันของการรับประทานอาหารที่มีกลิ่นอายของท้องถิ่นนั้นๆ
อย่างไรก็ดี ในโลกแห่งความเป็นจริง ผลิตภัณฑ์เหล้าขาวที่อาศัยแต่ชื่อเสียงเก่าแก่ของยี่ห้อเป็นหลักโดยไม่เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ย่อมกลายเป็นเหล้าขาวคุณภาพดีที่กำลังสุ่มเสี่ยงกับการขาดทุนอย่างหนัก จนนำไปสู่การปิดกิจการ ดังนั้น เทคนิคทางการตลาดจึงเป็นหัวใจสำคัญที่ผลักดันให้เหล้าขาวยี่ห้อต่างๆ กลายเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายตามท้องตลาดในปัจจุบัน
ไม่เชื่อ ก็ลองดื่มเหล้าขาวสักแก้วเคล้ากับแกล้มที่ถูกปาก รับรองว่าอร่อยอย่าบอกใคร !


