พลูโตเนียม สารมรณะ ไตวาย-ปอดพินาศ ตกค้างชั่วอายุ

แท่งเชื้อเพลิงภายในเตาปฏิกรณ์ทั้ง 6 เตาที่โรงปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟูกุชิมา ไดอิชิ ที่มีปัญหาอยู่ในขณะนี้ ล้วนมีส่วนประกอบของพลูโตเนียมอยู่ภายใน ซึ่งรู้กันดีว่าสารมรณะดังกล่าวนี้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ชั้นเลิศ

โดย...ทีมข่าวต่างประเทศ

 

แท่งเชื้อเพลิงภายในเตาปฏิกรณ์ทั้ง 6 เตาที่โรงปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟูกุชิมา ไดอิชิ ที่มีปัญหาอยู่ในขณะนี้ ล้วนมีส่วนประกอบของพลูโตเนียมอยู่ภายใน ซึ่งรู้กันดีว่าสารมรณะดังกล่าวนี้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ชั้นเลิศ

พลูโตเนียมเป็นสารอันตราย และเป็นพิษร้ายแรงมากกว่ายูเรเนียม ซึ่งถ้าหากเกิดการรั่วไหลขึ้นจะสร้างความหายนะอย่างรุนแรง

เมื่อครั้งการบรรจุแท่งเชื้อเพลิงที่โรงปฏิกรณ์ดังกล่าวลงในแท่งเชื้อเพลิงสำหรับเตาปฏิกรณ์หมายเลข 3 นั้น ได้มีการผสมพลูโตเนียม239 และยูเรเนียม235 ลงไปด้วย 6% ส่วนในเตาปฏิกรณ์อื่นๆ ในแท่งเชื้อเพลิงจะประกอบไปด้วยยูเรเนียมเท่านั้น แต่ทว่าในขณะนี้ได้เกิดพลูโตเนียมขึ้นภายในแท่งเชื้อเพลิงของทุกเตา เนื่องจากปฏิกิริยาฟิวชันส์หลังกระบวนการสร้างพลังงานภายในเตาจะทำให้เกิดพลูโตเนียมขึ้นด้วย ซึ่งหมายความว่า ณ เวลาปัจจุบันแท่งเชื้อเพลิงใช้แล้วในทุกเตาปฏิกรณ์ล้วนมีส่วนผสมของพลูโตเนียมมรณะทั้งสิ้น

ทั้งนี้ พลูโตเนียมถือเป็นสารประกอบอันตราย มีฤทธิ์ทำลายไตและปอด และยังกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ได้โดยง่ายอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ตัวพลูโตเนียมและยูเรเนียมเอง ถือเป็นสารหนักซึ่งสลายในอากาศไม่ง่ายนัก แต่ในขณะเดียวกันพลูโตเนียมยังอาจจะเกิดมาจากการทำปฏิกิริยาของซีเซียมและไอโอดีน ซึ่งจะอยู่ในรูปกัมมันตภาพรังสี ซึ่งจะสามารถปนเปื้อนได้ง่ายกว่า และกระจายไปในอากาศได้ง่ายกว่า

เอ็ด ลีแมน นักฟิสิกส์ประจำสหภาพนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านพลูโตเนียมของสหรัฐ ประเมินว่าแท่งเชื้อเพลิงในเตาหมายเลข 3 และ 5 ที่โรงปฏิกรณ์ไดอิชินั้นมีความอันตรายมากกว่าแท่งเชื้อเพลิงในเตาอื่นๆ ราว 10%

อย่างไรก็ตาม พลูโตเนียมที่โรงปฏิกรณ์ไดอิชินั้นไม่ได้ถูกประกอบเข้าด้วยกันด้วยจำนวนมากเพียงพอที่จะทำให้เกิดการระเบิด และเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่นิวเคลียร์ขึ้น

หลังจากแท่งเชื้อเพลิงซึ่งเป็นยูเรเนียมผ่านกระบวนการใช้แล้วทำให้เกิดพลูโตเนียมขึ้นได้อย่างไร?

เมื่อยูเรเนียมทำปฏิกิริยาไดออกไซด์ภายในแท่งเชื้อเพลิง และเกิดแตกตัวสร้างพลังงานขึ้นภายในเตาปฏิกรณ์ ยูเรเนียมจะปล่อยสสารออกมา ซึ่งก็คือ พลูโตเนียม–239 ซึ่งเป็นพลูโตเนียมชนิดเดียวกับที่ใช้ผลิตอาวุธนิวเคลียร์

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเข้าสู่ระยะสุดท้ายของวงจรผลิตพลังงาน พลูโตเนียมเหล่านี้จะแตกตัวขึ้นด้วย โดย 40% ของพลังงานที่เกิดขึ้นภายในเตาปฏิกรณ์นั้นมาจากการแตกตัวของพลูโตเนียมเหล่านี้นั่นเอง

ดังนั้น แท่งเชื้อเพลิงที่ผ่านการใช้แล้วซึ่งอยู่ภายในเตาปฏิกรณ์ทั้ง 6 ตัวที่โรงปฏิกรณ์นิวเคลียร์ไดอิชิ จึงประกอบไปด้วยทั้งยูเรเนียม พลูโตเนียม และส่วนผสมของสารเป็นพิษอื่นๆ ที่ได้จากปฏิกิริยาฟิวชันส์ และสารกัมมันตรังสี

ตามข้อมูลของบริษัทการไฟฟ้าญี่ปุ่นนั้น ระบุว่า ที่โรงปฏิกรณ์ไดอิชิมีปริมาณแท่งเชื้อเพลิงอยู่เป็นจำนวนมาก โดยมีเชื้อเพลิงอยู่ถึง 3,400 ตัน บรรจุอยู่ภายในบ่อเก็บ 7 แห่ง ภายในเตาทั้ง 6 ตัว โดยเตาที่ 3 และ 4 ยังมีบ่อเก็บที่เชื่อมต่อกัน

หากเกิดการรั่วไหลของพลูโตเนียมออกมา สารอันตรายตัวนี้จะไม่สลายไปอย่างรวดเร็ว โดยระยะเวลาครึ่งชีวิตของพลูโตเนียม239 กินเวลานานถึง 2.5 หมื่นปี ซึ่งหมายความว่าจะต้องใช้เวลานานกว่าที่อะตอมครึ่งหนึ่งของกัมมันตภาพรังสีจะสลายตัว ส่วนระยะเวลาครึ่งชีวิตของยูเรเนียมอยู่ที่ 700 ล้านปี และกระจายสู่อากาศได้ง่ายกว่า ขณะที่ซีเซียมซึ่งจะฟุ้งในอากาศได้ง่ายที่สุด มีระยะเวลาครึ่งชีวิตที่ 30 ปี

ในปัจจุบันญี่ปุ่นได้ก่อสร้างโรงกำจัดสารพลอยได้จากปฏิกิริยานิวเคลียร์ และโรงงานแปรรูปพลูโตเนียมและยูเรเนียมแปลงสู่สสารใหม่เรียกว่า ม็อกซ์ (MOX) และนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงอีกครั้งในเตาปฏิกรณ์ เพื่อลดปริมาณเชื้อเพลิงใช้งานแล้ว

อย่างไรก็ตาม โรงงานแปรรูปดังกล่าวตั้งอยู่ที่หมู่บ้านร็อกคาโช ห่างจากฟูกุชิมาไปทางเหนือราว 500 กิโลเมตร และเพิ่งจะเปิดใช้งาน และยังไม่เริ่มดำเนินการอย่างเต็มกำลัง

ขณะที่ทางด้านสหรัฐไม่มีการแปรรูปเชื้อเพลิงใช้แล้วนำกลับมาใช้ใหม่ และพยายามแนะนำไม่ให้ประเทศอื่นกระทำการดังกล่าวด้วย เนื่องจากหวั่นเกรงว่าพลูโตเนียมที่ผ่านกระบวนการแปรรูปนั้นจะถูกนำมาผลิตอาวุธนิวเคลียร์