ไฟฟ้ากระตุ้นสมองฟื้นความจำ อาจเป็นกุญแจรักษาสมองเสื่อม
โรคทางสมองถือเป็นโรคที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะอาการสมองเสื่อมที่พบมากในผู้สูงอายุ และยิ่งทวีความร้ายแรงมากขึ้นจากการเข้าสู่สังคมสูงวัย นั่นทำให้การกระตุ้นสมองนี้มีความสำคัญ เพราะอาจเป็นแนวทางรักษาสมองเสื่อมในอนาคต
อาการหลงลืมคือเรื่องที่เกิดขึ้นกับคนทุกวัย หลายครั้งเวลาเราเดินเข้าไปในครัวตั้งใจไปหยิบอะไรสักอย่าง รู้ตัวอีกทีเราดันนึกไม่ออกว่าของที่ต้องการมาหยิบคืออะไร ก่อนมานึกขึ้นได้หลังออกจากครัว เป็นเรื่องปกติของคนเราที่เกิดได้ทุกช่วงวัย ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจหรืออาการผิดปกติ
ในกลุ่มผู้สูงวัยอาการเหล่านี้จะทวีความรุนแรงขึ้นตามช่วงเวลา เป็นผลจากการเสื่อมสภาพของร่างกายทำให้ระบบทั้งหลายทำงานได้ไม่ดีดังเดิม ในกรณีร้ายแรงอาจพัฒนาไปสู่โรคทางสมองอย่าง อัลไซเมอร์ ที่ทำให้ความทรงจำและการรับรู้ของผู้ป่วยบกพร่องจนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันในที่สุด
แต่อาจไม่เป็นแบบนั้นเสมอไปเมื่อปัจจุบันเริ่มมีการค้นพบที่ช่วยให้ความทรงจำของคนเราดีขึ้น
การกระตุ้นด้วยไฟฟ้า เคล็ดลับเพิ่มความจำ
งานวิจัยนี้เกิดขึ้นด้วยฝีมือนักวิจัยจาก Boston University ได้ทำการกระตุ้นสมองด้วยไฟฟ้าครั้งละ 20 นาที ติดต่อกันเป็นเวลา 4 วัน ช่วยให้ความจำของผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไปแม่นยำขึ้น จากการทดสอบในกลุ่มอาสาสุขภาพแข็งแรง 150 คน ในช่วงอายุ 65 – 88 ปี
การทดสอบเริ่มจากการให้ผู้เข้าร่วมสวมหมวกที่คอยส่งผ่านกระแสไฟฟ้าสู่สมอง กระแสไฟฟ้าจะไหลเข้าสู่สมองใน 2 ตำแหน่งคือ ตำแหน่งข้างขม่อมด้วยแรงดันไฟฟ้าราว 4 Hz และบริเวณเยื่อหุ้มสมองส่วนหน้าด้วยแรงดันไฟฟ้า 60 Hz ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจำแก่อาสาสมัครอย่างชัดเจน
ผลการทดสอบพบว่าการกระตุ้นรูปแบบนี้ช่วยให้สามารถจดจำได้ดีขึ้น โดยเริ่มแสดงผลให้เห็นตั้งแต่วันที่ 3 หลังเริ่มการทดสอบ การกระตุ้นสมองช่วยให้ผู้เข้าร่วมการทดสอบสามารถจดจำคำศัพท์ที่ได้ยินทั้ง 20 คำได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งความทรงจำนี้ยังคงอยู่แม้ระยะเวลาผ่านไป 1 เดือน แสดงให้เห็นว่ามันได้ผลทั้งกับความทรงจำระยะสั้นและระยะยาว
ยิ่งไปกว่านั้นการกระตุ้นสมองชนิดนี้จะได้ผลเป็นพิเศษเมื่อผู้เข้าร่วมมีอัตราการรับรู้และจดจำต่ำ กล่าวคือยิ่งมีอาการสมองเสื่อมหรือการจดจำบกพร่องมากเท่าไหร่การกระตุ้นนี้จะช่วยให้กลับมาทำงานได้ดียิ่งขึ้น นี่เป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติน่าสนใจที่อาจเป็นประโยชน์ต่อการรักษาโรคทางสมอง
สถิติเกี่ยวกับโรคทางสมองที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
เราต่างทราบดีว่าจำนวนผู้สูงอายุในแต่ละประเทศเพิ่มสูงจากอัตราการเกิดของประชากรที่ลดลง นั่นทำให้แนวโน้มความเสี่ยงจากโรคทางสมองสามารถเพิ่มขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะอาการสมองเสื่อมซึ่งนำไปสู่ภาวะส่งผลต่อความทรงจำ การคิด และสติปัญญา ซึ่งพบผู้ป่วยแสดงอาการขึ้นตามช่วงอายุ
จากสถิติการสำรวจของสมาคมโรคสมองเสื่อมแห่งประเทศไทยพบว่า ผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปมีโอกาสเกิดถึง 50% และช่วงอายุตั้งแต่ 85 ปีเป็นต้นไปมีโอกาสเกิดภาวะสมองเสื่อมสูงถึง 90% เลยทีเดียว เมื่อดูแนวโน้มจากสังคมไทยที่ทยอยเข้าสู่สังคมสูงวัย จะทำให้ผู้ป่วยโรคทางสมองทวีจำนวนเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ส่วนนี้สอดคล้องกับการประเมินของ องค์การอนามัยโลก(WHO) คาดการณ์ว่าสถานการณ์โลกสมองเสื่อมเชื่อมโยงเข้ากับสังคมสูงอายุในหลายประเทศ ทำให้ในปี 2050 อาจทำให้เกิดเป็นการระบาดครั้งใหญ่ของโรคสมองเสื่อมขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศที่มีอัตราการเกิดต่ำ เช่น ประเทศในยุโรป, จีน, ญี่ปุ่น จะมีผู้ป่วยโรคนี้เป็นจำนวนมาก ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยที่อัตราผู้ป่วยสมองเสื่อมกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยมีอัตราเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยปีละประมาณ 10%
หลายท่านอาจเข้าใจว่าสมองเสื่อมจะเกิดขึ้นได้ด้วยโรคอัลไซเมอร์แต่ไม่เป็นแบบนั้นเสมอไป เพราะโรคที่สามารถทำให้เกิดอาการสมองเสื่อมมีตั้งแต่
- โรคหลอดเลือดสมอง
- โรคพาร์กินสัน
- ไทรอยด์บางชนิด
- เนื้องอกสมองและมะเร็งสมอง
- โพรงน้ำในสมองขยายตัว
- โรคติดเชื้อบางชนิด เช่น ซิฟิลิส และ เอดส์
- อาการเจ็บป่วยทางจิตบางรูปแบบ
- ขาดวิตามิน
แต่ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าสาเหตุอันดับหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการสมองเสื่อมคือโรคอัลไซเมอร์ และนั่นเป็นสิ่งที่เราต้องหาทางแก้กันต่อไป ด้วยแนวโน้มในปัจจุบันที่อาจมีผู้ประสบปัญหานี้เกิดขึ้นทั่วโลก กลายเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่หลายประเทศจำเป็นต้องเร่งรับมือและเตรียมพร้อมตั้งแต่วันนี้ ก่อนจำนวนผู้ป่วยจะล้นระบบในอนาคต
ด้วยเหตุนี้เองการกระตุ้นสมองจึงทวีความสำคัญ หากสามารถช่วยให้ผู้ป่วยสามารถจดจำเรื่องต่างๆ กระตุ้นสมองให้กลับมาทำงานได้อีกครั้ง นี่อาจเป็นหนึ่งในทางออกแก่ผู้สูงอายุที่มีโรคทางสมองทั้งหลาย ให้พวกเขาได้มีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตตามปกติแบบไม่ต้องให้ใครดูแลได้อีกครั้ง
ยิ่งสภาพสังคมในปัจจุบันเมื่อมีครอบครัวที่ตัดสินใจจะไม่มีลูกมากขึ้น แนวโน้มที่ผู้สูงอายุจะต้องอยู่คนเดียวจึงยิ่งทวีความชัดเจน การรักษาโรคสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์ หรืออย่างน้อยทำให้พวกเขาสามารถดูแลตัวเองได้ ถือเป็นเรื่องจำเป็นต่อสังคมและการใช้ชีวิตต่อจากนี้
ขึ้นกับว่าในอนาคตเราจะสามารถคิดค้นและพัฒนาแนวทางการรักษาโรคสมองเสื่อมที่กำลังจะแพร่ระบาดได้แค่ไหน
ที่มา
https://www.thansettakij.com/general-news/525092
https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/alzheimer
https://www.nature.com/articles/s41593-022-01132-3
https://interestingengineering.com/health/stimulating-brain-alzheimers-remember


