โมเดลธุรกิจไวน์ Castigno : ขายความฝันที่มากกว่า"ไวน์"ชั้นดี
มาร์ค เวอร์สแตรท เผยกลยุทธ์พลิกธุรกิจไวน์ จากการซื้อที่ดินสู่การสร้างอาณาจักรไลฟ์สไตล์แบบองค์รวม โรงไวน์ "วิหารแห่งไวน์" คือสัญลักษณ์สำคัญในการดึงดูดลูกค้า
KEY
POINTS
- โมเดลธุรกิจของ Castigno คือการ "ขายความฝัน" โดยสร้างประสบการณ์ไลฟ์สไตล์แบบองค์รวม ไม่ใช่แค่การขายไวน์คุณภาพดี
- ผู้ก่อตั้งได้พลิกฟื้นหมู่บ้านร้างในฝรั่งเศสให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ครบวงจร ประกอบด้วยโรงแรมระดับมิชลิน ร้านอาหาร และโรงไวน์ที่โดดเด่นด้านสถาปัตยกรรม
- แนวคิดหลักคือการมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบ 'Slow Tourism' ที่ให้ผู้มาเยือนได้หลีกหนีความวุ่นวายมาสัมผัสกับธรรมชาติ ไวน์ และอาหารชั้นเลิศ
มาร์ค เวอร์สแตรท อดีตนักการเงิน ไม่ได้สร้าง Castigno เป็นแค่ไร่องุ่น แต่เป็น "จักรวาลแห่งความฝัน" ในฝรั่งเศส เขาเปลี่ยนหมู่บ้านร้างให้เป็นโรงแรมมิชลิน โรงไวน์ที่สวยที่สุดในประเทศ และสร้างโมเดลธุรกิจที่ยืนยันว่า "เราไม่ได้ขายไวน์ แต่เราขายความฝัน" นี่คือบทเรียนจากผู้สร้างอาณาจักรไวน์ที่ต่างจากใคร
"เราไม่ได้ขายไวน์ แต่เราขายความฝัน"
จากนักการเงินสู่การสร้างอาณาจักรไวน์ไลฟ์สไตล์สุดหรู
มาร์ค เวอร์สแตรท (Marc Verstraete) เจ้าของ ชาโต กัสติโญ (Château Castigno) ชาวเบลเยียม ผู้พลิกฟื้นหมู่บ้านร้างในแคว้นอ็อกซิทานี ประเทศฝรั่งเศส ให้กลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางด้านไวน์และการบริการที่โดดเด่นที่สุดในยุโรป
จุดเริ่มต้นที่ไม่ตั้งใจ: จากความสุขส่วนตัวสู่ธุรกิจที่ต้องทุ่มเท
มาร์ค เวอร์สแตรท ไม่ได้มีพื้นเพจากครอบครัวผู้ผลิตไวน์ หากแต่เป็นนักอุตสาหกรรมและนักการเงินผู้เชี่ยวชาญการปรับโครงสร้างองค์กรในยุโรปเป็นเวลากว่า 25 ปี Castigno เริ่มต้นขึ้นจากความต้องการเรียบง่าย
"ตอนแรกผมแค่ซื้อทรัพย์สินที่นั่น ซึ่งมีไร่องุ่น 17 เฮกตาร์ เพื่อความเพลิดเพลินส่วนตัวเท่านั้น" มาร์ค เวอร์สแตรท เผย "ผมไม่มีความตั้งใจจะเข้าสู่ธุรกิจไวน์เลย แต่พอซื้อแล้วผมก็ 'ถูกผลักดันให้เข้าสู่ธุรกิจนั้นทันที' ด้วยความรับผิดชอบและโอกาสที่เข้ามา"
หลังจากการขายธุรกิจหลักในปี 2007 โดยตั้งใจจะเกษียณ เขากลับพบว่าชีวิตหลังจากนั้นหนักหน่วงยิ่งกว่าเดิม เพราะความต้องการของการผลิตไวน์และการขยายตลาดต้องใช้ความทุ่มเทอย่างมหาศาล เขาตัดสินใจขยายอาณาเขตจากเดิม 17 เฮกตาร์ เป็น 35 เฮกตาร์ และพื้นที่รวมเป็น 150 เฮกตาร์ เพื่อรองรับความฝันที่ใหญ่ขึ้น
ปรัชญาการตลาด: "เราไม่ได้ขายไวน์ แต่เราขายความฝัน"
ด้วยพื้นฐานนักการเงินที่มีวิสัยทัศน์ ทำให้มาร์คไม่มองธุรกิจไวน์ในมุมมองเดิม ๆ หากแต่สร้างโมเดลธุรกิจแบบองค์รวมที่ผสานไวน์เข้ากับประสบการณ์การใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบ
"ปรัชญาของเราเรียบง่ายมาก: เราไม่ได้ขายไวน์ แต่เราขายความฝัน" มาร์คกล่าวอย่างหนักแน่น "เราขายประสบการณ์ทั้งหมดที่คุณจะได้รับ"
Castigno จึงถูกสร้างขึ้นเป็นโลกใบใหม่ ที่เน้นการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์แบบ 'Slow Tourism' (การท่องเที่ยวแบบช้า ๆ) ผ่านองค์ประกอบสำคัญเหล่านี้
Village Castigno: พลิกหมู่บ้านร้างสู่โรงแรมมิชลิน
ระหว่างที่บูรณะปราสาท มาร์คตัดสินใจซื้อบ้านเกือบครึ่งหนึ่งของหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ชื่อ Assignan ซึ่งเดิมถูกทิ้งร้างและเงียบเหงา เพื่อเปลี่ยนให้เป็น "Village Castigno"
"เราเปลี่ยนบ้านเก่าเหล่านั้นให้เป็นห้องสวีทส่วนตัว 28 หลัง และสร้างร้านอาหาร 3 แห่ง" เขาเล่า "แก่นแท้ของมันคือ การพักผ่อน (Relaxation) ลูกค้าของเราจะเพลิดเพลินกับธรรมชาติที่สวยงาม ไวน์ชั้นดี อาหารเลิศรส และสิ่งสำคัญคือ สภาพแวดล้อมที่ปลอดรถยนต์ มันคือการหลีกหนีจากความวุ่นวายโดยสมบูรณ์"
ความสำเร็จด้านอาหารที่น่าสนใจคือ ร้านอาหาร La Table de Castigno ที่ได้รับมิชลินสตาร์ และร้านอาหารไทยที่ดึงดูดลูกค้าจากระยะทางไกลถึง 200 กิโลเมตร สะท้อนถึงความหลากหลายที่น่าทึ่งในชนบทฝรั่งเศส
"วิหารแห่งไวน์": สถาปัตยกรรมที่เป็นสัญลักษณ์
เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความมุ่งมั่นในคุณภาพ มาร์คได้ว่าจ้างสถาปนิกชื่อดัง ลีโอ ยาดูร์ (Leo Jadour) มาออกแบบโรงผลิตไวน์แห่งใหม่
"เราต้องการสร้างสถานที่ที่พิเศษจริงๆ" มาร์คเผย "ผลลัพธ์ที่ได้ทำให้สื่อฝรั่งเศสยกย่องให้เป็น 'โรงผลิตไวน์ที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส' และให้ฉายาว่า 'วิหารแห่งไวน์' (The Cathedral of Wine) สิ่งนี้ไม่ใช่แค่โรงงาน แต่เป็นงานศิลปะที่ดึงดูดผู้คน"
การทำไวน์ด้วยจิตวิญญาณแห่งธรรมชาติ
ปรัชญาการผลิตของ Castigno เน้นการทำไวน์ในแนวทาง ออร์แกนิก และพัฒนาไปสู่ ไบโอดินามิก เพื่อให้ได้ไวน์ที่มีคุณภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สุด
"เรามีไวน์หลายตัว แต่มีไวน์พิเศษตัวหนึ่งที่ผมรักมากคือ Nirwana White" เขาบอก "เราผลิตมันในจำนวนจำกัดมาก (300-400 ขวดต่อปี) ซึ่งส่วนใหญ่ทำไว้สำหรับแขกคนสำคัญและตัวผมเอง มันคือสุดยอดแห่งการแสดงออกของ terroir ที่เรามี"
การเชื่อมต่อความฝันสู่ตลาดไทย
โมเดล Castigno ได้รับการยกย่องจากสื่อยุโรปอย่างกว้างขวาง และกำลังขยายความฝันนี้ไปยังตลาดโลก สำหรับประเทศไทย Château Castigno ได้ร่วมมือกับ บริษัท วินสตาร์ ไวน์เนอรี่ จำกัด (WINSTAR WINERY CO., LTD.) ในฐานะผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการ
บทบาทของผู้นำเข้าไวน์ในประเทศไทยคือการเป็นพันธมิตรที่เข้าใจและสามารถ ถ่ายทอดเรื่องราวและคุณค่า ของแบรนด์ Castigno ได้อย่างลึกซึ้ง การนำเข้าไวน์คุณภาพสูงที่สะท้อนการทำไวน์ธรรมชาติ ควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรม ไวน์ดินเนอร์ และการสื่อสารคุณค่าของแบรนด์ จึงเป็นการส่งมอบ "ความฝัน" และปรัชญาการใช้ชีวิตแบบ Castigno ให้แก่ผู้บริโภคชาวไทยอย่างแท้จริง
มาร์ค เวอร์สแตรท สรุปทิ้งท้ายถึงความสำเร็จของเขาว่า "Castigno ไม่ใช่แค่ธุรกิจไวน์ แต่เป็น ไลฟ์สไตล์ มันคือการเชิญชวนให้ผู้คนได้มาสัมผัสกับความสงบ ความงาม และรสชาติที่แท้จริงของชีวิต"


