posttoday

จากทัสมาเนียถึงกรุงเทพกับ "auracherrybag" ศิลปะและชายามบ่ายที่ทำให้เรารักโลกมากขึ้น

03 กันยายน 2568

ดื่มด่ำความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ กับ “ออร่า-ศศิพรรณ" ศิลปินมิกซ์มีเดีย ผู้ถ่ายทอดพลังธรรมชาติ ผ่านคอนเซ็ปต์ Joyful Harvest Afternoon Tea ที่โรงแรมสยามเคมเปนสกี้ กรุงเทพฯ

“ออร่า – ศศิพรรณ ศิริพร” ศิลปินมิกซ์มีเดียกับโปรเจกต์ Joyful Harvest Afternoon Tea

 

“สิ่งที่เรารัก จะค่อยๆ ตามหาเราเจอเสมอ” ศิลปินสาวสวยออร่า-ศศิพรรณเคยกล่าวคำๆนี้ไว้นานแล้ว และมันก็วนกลับมาอยู่ในชีวิตของเธออีกหลายๆ ครั้ง โดยเฉพาะในสีเขียว สีของความสดชื่นและความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ สีที่ทำให้เราใจพองฟูและรักโลกมากขึ้นทุกครั้งที่มองเห็น...

 

จากทัสมาเนียถึงกรุงเทพกับ "auracherrybag" ศิลปะและชายามบ่ายที่ทำให้เรารักโลกมากขึ้น

 

ถ้าใครผ่านมาทางสยามพารากอน แล้วอยากหามุมที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ที่อื่นในโลกอีกใบ ไม่มีคนวุ่นวาย แต่อยู่ใกล้ๆ นี่เอง ควรแวะมาที่ล็อบบี้เลานจ์ของโรงแรมสยามเคมเปนสกี้ กรุงเทพฯ และหากแวะมาในช่วงบ่ายๆ ก็จะได้สบตากับแสงแดดอ่อนๆ ที่ลอดผ่านกระจกสูงโปร่ง กำลังตกกระทบโต๊ะชาอย่างนุ่มนวล การจัดวางรายละเอียดของสิ่งละอันพันละน้อยต่างๆ ด้วยความประณีต ทั้งชั้นวางขนมทำจากกระเบื้องขาวเงาวับ กลิ่นสมุนไพรที่จมูกคุ้นเคย ตัดกับสีสันของขนมสีหวานที่เชฟบรรจงสร้างสรรค์จากแรงบันดาลใจของ "ออร่า – ศศิพรรณ ศิริพร” ศิลปินหญิงที่โพสต์ทูเดย์กำลังจะพาคุณไปรู้จักในวันนี้

 

ในบรรยากาศเสมือนแกลเลอรีเล็ก ๆ ที่แขกสามารถ "ลิ้มรสงานศิลปะ" ได้จริงในทุกคำ

 

จากทัสมาเนียถึงกรุงเทพกับ "auracherrybag" ศิลปะและชายามบ่ายที่ทำให้เรารักโลกมากขึ้น

 

“Joyful Harvest Afternoon Tea” คอนเซ็ปต์ชายามบ่ายที่ โรงแรมสยามเคมเปนสกี้ กรุงเทพฯ

ไม่ได้เป็นเพียงธีมตกแต่ง แต่เป็นประสบการณ์ที่ถักทอระหว่างงานศิลปะและการใช้ชีวิต ไลฟ์สไตล์หรูในโรงแรมกลางกรุงถูกตีความใหม่ให้มีชีวิตชีวา สดใส จนเรารู้สึกได้ว่านี่คือการเฉลิมฉลองความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ เหมือนอย่างที่ออร่ากล่าวไว้ว่า

 

“ศิลปะมันไม่จำเป็นต้องอยู่บนผนังหรือแคนวาสเสมอไป มันสามารถอยู่บนโต๊ะชา อยู่ในบรรยากาศ และอยู่ในการใช้ชีวิตประจำวันได้ด้วย”

 

มากกว่านั้นแขกที่มานั่งจิบชาพร้อมขนม จะได้รับผ้าพันคอซึ่งออกแบบโดยออร่าเป็นของที่ระลึก นั่นทำให้ประสบการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่แค่การลิ้มรส แต่ยังเป็นการ "พกงานศิลปะกลับบ้าน" ได้อีก

 

จากทัสมาเนียถึงกรุงเทพกับ "auracherrybag" ศิลปะและชายามบ่ายที่ทำให้เรารักโลกมากขึ้น

 

รู้จักออร่า – ความสว่างของสีเขียว

ศิลปินหญิงผู้ถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์ผ่านงาน Mixed Media ที่สดใสและเต็มไปด้วยพลังแห่งชีวิต ออร่าเล่าว่าเธอชอบใช้วัสดุที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผ้าแคนวาส กระดาษ และใช้เทคนิคคอลลาจ (การตัด-ฉีก-แปะวัสดุ) ผสมผสานเข้ากับการใช้สีอะคริลิค สีพาสเทล และสีไม้ “งานของออร่าไม่มีกรอบตายตัว” เธอกล่าวด้วยรอยยิ้ม หลายคนคงรู้ว่าเธอคือนักฉีก (กระดาษ) มือฉมังผู้ไร้เทียมทานในโลกงานศิลปะ

 

ผลงานของ ออร่า จาก IG auracherrybag

 

“มันสนุกตรงที่ได้ทดลอง ได้ฉีกกระดาษหรือปล่อยให้สีไหลไปเอง เรารู้สึกว่านั่นคือเสน่ห์ที่แท้จริงของงานศิลปะ”

 

สไตล์ของเธอจึงอยู่กึ่งกลางระหว่าง Pop Art, Contemporary และ Abstract ที่มีสีสันสดใสแต่ไม่เจิดจ้าจนเกินไป ออร่ามักหลีกเลี่ยงสีดำ เธอเชื่อว่าสีควรสร้างบรรยากาศแห่งความสุข สนุกสนาน และทำให้ผู้ชมสัมผัสได้ถึงพลังบวกตั้งแต่แรกเห็น

 

ออร่าจบการศึกษาจากคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร สาขาประยุกต์ศิลป์ เอกเพ้นท์ติ้ง ซึ่งเป็นสายที่อยู่กึ่งกลางระหว่างการออกแบบและศิลปะบริสุทธิ์ การเรียนรู้ที่ศิลปากรทำให้เธอได้ทั้งเครื่องมือของการออกแบบและเสรีภาพของการเป็นศิลปิน

 

“ออร่าชอบที่มันไม่ใช่แค่การวาดภาพเพื่อโชว์ แต่ยังคิดถึงฟังก์ชัน ความเป็นไปได้ในการใช้งาน มันทำให้เราเข้าใจศิลปะในมิติที่กว้างขึ้น” 

 

ผลงานของ "auracherrybag x lamunlamai“

จากทัสมาเนียถึงกรุงเทพกับ "auracherrybag" ศิลปะและชายามบ่ายที่ทำให้เรารักโลกมากขึ้น

 

มุมมองต่อวงการศิลปะยุคใหม่

ในมุมมองของออร่า ศิลปะร่วมสมัยได้แตกแขนงออกไปไกลกว่าที่เคย เธอสังเกตว่า Digital Art และ Character Design โดยเฉพาะ Art Toy กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังมีศิลปินที่คงทำงานด้วยมืออย่างดั้งเดิมอยู่บ้าง เธอเห็นว่านี่คือช่วงเวลาที่ศิลปะเปิดกว้างมากที่สุด “ศิลปะไม่จำเป็นต้องอยู่แค่ในกรอบรูปหรือบนแคนวาส มันสามารถเป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นประสบการณ์ หรือเป็นการร่วมมือกับแบรนด์ต่าง ๆ ได้หมด”

 

ความแตกต่างและการร่วมงานกับแบรนด์

สิ่งที่ทำให้ออร่าโดดเด่นคือการยึดมั่นในวิธีการทำงานด้วยมือและเทคนิคคอลลาจ แตกต่างจากศิลปินส่วนใหญ่ที่พึ่งพาคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ เธอเคยร่วมงานกับหลายแบรนด์  รวมถึงงานคอลลาบอเรชันกับ Siam Kempinski Hotel Bangkok ซึ่งเป็นโปรเจกต์ใหญ่และสร้างชื่อให้เธออย่างมาก

 

จากทัสมาเนียถึงกรุงเทพกับ "auracherrybag" ศิลปะและชายามบ่ายที่ทำให้เรารักโลกมากขึ้น

 

Joyful Harvest Afternoon Tea งานศิลปะที่กินได้

หนึ่งในผลงานที่สะท้อนตัวตนของออร่ามากที่สุด คือการร่วมงานกับ Siam Kempinski Hotel Bangkok ในโปรเจกต์ “Joyful Harvest Afternoon Tea” ซึ่งจัดขึ้นประจำปีระหว่างเดือนสิงหาคมถึงพฤศจิกายน โดยโรงแรมจะเชิญศิลปินหนึ่งคนมาร่วมออกแบบประสบการณ์ Afternoon Tea ในแต่ละปี และปีนี้ “ออร่า” หรืออีกนามที่หลายคนรู้จัก "Auracherrybag" คือผู้ได้รับเลือก

 

เธอเล่าว่าโจทย์ที่ได้รับคือ “Afternoon Tea” แต่สิ่งที่โรงแรมให้มาคือ เสรีภาพเต็มที่ “เขาเปิดกว้างมากค่ะ เราสามารถเสนอคอนเซ็ปต์อะไรก็ได้ที่เรารู้สึกเชื่อมโยงและอยากเล่า” ออร่ากล่าวอย่างภูมิใจ คอนเซ็ปต์ที่เธอหยิบมาใช้คือเรื่องราวของการเก็บเกี่ยวผลผลิตในธรรมชาติ ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากการใช้ชีวิตในทัสมาเนีย เกาะขนาดใหญ่ทางใต้สุดของผืนทวีปออสเตรเลีย ที่แยกออกด้วยช่องแคบแบสส์ (Bass Strait) ที่เธออาศัยอยู่นานหลายปี

 

“การได้ปลูกผักผลไม้เองมันสอนเราเยอะมาก” เธอกล่าว “มันสอนให้เรา Slow Down เชื่อมโยงกับธรรมชาติ และยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบ เพราะพืชผักผลไม้แต่ละลูกไม่ได้เพอร์เฟ็กต์ แต่มันมีเสน่ห์ในแบบของมัน”

 

จากทัสมาเนียถึงกรุงเทพกับ "auracherrybag" ศิลปะและชายามบ่ายที่ทำให้เรารักโลกมากขึ้น

 

ภายใต้คอนเซ็ปต์นี้ ออร่าได้ออกแบบ Key Visual ที่ถ่ายทอดบรรยากาศแห่งความอุดมสมบูรณ์ สีเขียวสดชื่น ผสมผสานกับสีสันของผลไม้ตามฤดูกาล รวมถึงการออกแบบ ผ้าพันคอ (Scarf) ที่มอบเป็นของที่ระลึกให้แก่แขกผู้มารับประทาน Afternoon Tea

 

เมนูที่เชฟของโรงแรมรังสรรค์ขึ้นก็ถ่ายทอดคอนเซ็ปต์นี้เช่นกัน เช่น เลมอนมูสไส้สตรอว์เบอร์รี่สด, กรีนแอปเปิ้ลโนเบิล, ราสป์เบอร์รี่ดิสฟอซิล, ไปจนถึงเมนูของคาวอย่าง Swiss Baby Potato Salad with Dill Cream และ Pressed Sandwich with Cheese and Vegetables ทุกคำที่ได้ชิมจึงไม่ใช่เพียงอาหาร แต่คือการสัมผัสงานศิลปะในรูปแบบใหม่ที่กินได้

 

จากทัสมาเนียถึงกรุงเทพกับ "auracherrybag" ศิลปะและชายามบ่ายที่ทำให้เรารักโลกมากขึ้น

จากทัสมาเนียถึงกรุงเทพกับ "auracherrybag" ศิลปะและชายามบ่ายที่ทำให้เรารักโลกมากขึ้น

 

แรงบันดาลใจจากธรรมชาติและการใช้ชีวิต

ออร่าอาศัยอยู่ในทัสมาเนียมาประมาณสามปี เธอบอกว่าการอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติทำให้เรียนรู้ที่จะช้าลงและใส่ใจในสิ่งรอบตัวมากขึ้น “เราปลูกผักเอง เห็นการเติบโตของมัน เห็นว่าบางครั้งมันก็ไม่สมบูรณ์ แต่เรากลับรู้สึกว่ามันงดงาม” 

 

พื้นเพของเธอก็เชื่อมโยงกับธรรมชาติอย่างแน่นแฟ้น สีเขียวของออร่าหากใครที่มีประสบการณ์ร่วมอย่างลึกซึ้งจะรู้ได้ว่าสีเขียวนี้มีที่มาจากความเขียวสดและอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าและสวนผลไม้ทางภาคใต้ที่ผูกพันกับเธอมาตั้งแต่แรกเริ่ม (กระทั่งเธออาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ) ครอบครัวของเธอมีรากฐานจากภาคใต้ คุณแม่เป็นคนพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช ส่วนคุณพ่อเป็นคนสงขลา ทำให้ตั้งแต่เด็กออร่าคุ้นเคยกับสวนผลไม้ โดยเฉพาะสวนมังคุดของครอบครัว “เวลานึกถึงความอุดมสมบูรณ์ เราจะนึกถึงพรหมคีรีเสมอ” เธอกล่าว

 

จากทัสมาเนียถึงกรุงเทพกับ "auracherrybag" ศิลปะและชายามบ่ายที่ทำให้เรารักโลกมากขึ้น

 

ปรัชญาด้านศิลปะและความยั่งยืน

สำหรับออร่า ศิลปะคือพื้นที่แห่งเสรีภาพและการทดลอง เธอรักงานที่ไม่ตายตัว และเต็มไปด้วยการด้นสด “บางครั้งเราไม่รู้เลยว่างานจะออกมาเป็นยังไง แต่เรารู้ว่าอยากทำ และปล่อยให้มันพาเราเดินทางไปเอง” เธออธิบาย

 

ในขณะเดียวกัน เธอก็ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน โดยเริ่มจากการปรับวิถีชีวิตของตัวเอง เช่น การแยกขยะ (ระดับจริงจัง) ลดการบริโภค และเลือกทานแบบ Flexitarian ที่ลดเนื้อสัตว์ลง เธอบอกว่า “เราไม่อยากบังคับใคร แต่เราอยากแชร์สิ่งที่เราทำ เผื่อว่าใครบางคนจะได้รับแรงบันดาลใจและนำไปปรับใช้ในแบบของเขาเอง”

 

เรื่องราวของออร่า – ศศิพรรณ ศิริพร คือภาพสะท้อนของศิลปินรุ่นใหม่ที่เชื่อมโยงศิลปะเข้ากับการใช้ชีวิตจริง เธอไม่ได้เพียงสร้างงานเพื่อจัดแสดง แต่ยังทำให้งานศิลปะกลายเป็นประสบการณ์ที่ผู้คนเข้าถึงได้ในหลายมิติ ตั้งแต่ผืนผ้าแคนวาส ไปจนถึงเมนู Afternoon Tea ที่ชวนเราดื่มด่ำกับความหอมอวลอุ่นของชาชั้นดี ได้อย่างมีความสุขในแบบ Joyful Harvest

 

และบางทีสิ่งที่ทำให้งานของเธอโดดเด่นที่สุด ไม่ใช่แค่สีสันหรือเทคนิคที่ใช้ แต่คือทัศนคติที่เต็มไปด้วยพลังงานบวก ซึ่งแผ่ซึมออกมาจากทุกผลงานและทุกคำพูดของเธอ "งานศิลปะของออร่า" จึงไม่ใช่เพียงสิ่งที่มองเห็น แต่คือสิ่งที่สัมผัสได้ด้วยหัวใจ

 

น่าติดตามว่าศิลปินสาวสวยของเราคนนี้จะเติบโตในโลกศิลปะอันอุดมสมบูรณ์ ทำให้เรารักโลกมากกว่าที่เป็นและดึงดูดสิ่งที่รักให้มาเจอกันเสมอได้ในมิติใดและที่แห่งใดอีกในโลกใบนี้...

 

จากทัสมาเนียถึงกรุงเทพกับ "auracherrybag" ศิลปะและชายามบ่ายที่ทำให้เรารักโลกมากขึ้น

 

สิทธิพิเศษสำหรับบัตรเครดิต KTC VISA

ห้องอาหาร 1897 Lounge

• รับส่วนลด 20% Afternoon Tea Set

พิเศษ 2,344.58 บาทสุทธิ สำหรับ 2 ท่าน พร้อมชาหรือกาแฟ 2 เสริฟ (ปกติ 2,930.73 บาท)

 

เปิดให้บริการ เวลา 13.00 น. – 17.00 น.

 

 

 

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด บีจี ปทุม พบ เมืองทอง ฟุตบอลไทยลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68