ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ซบ ลิเวอร์พูล 150 ล้านยูโร ทุบสถิติแพงสุดสโมสร
ลิเวอร์พูลคว้า ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ค่าตัว 150 ล้านยูโร ทุบสถิติสโมสร พาไปเทียบแข้งค่าตัวสูงที่ "ราคา" ไม่ได้เป็นเครื่องรับประกัน "ความสำเร็จ" เสมอไป
การย้ายทีมของ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ เพลย์เมคเกอร์ฝีเท้าดีทีมชาติเยอรมนี และ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ไปยัง ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัวราว 150 ล้านยูโร (ประมาณ 126 ล้านปอนด์ หรือ 5,850 ล้านบาท) กำลังเป็นประเด็นร้อนแรงในตลาดซื้อขายนักเตะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่ลิเวอร์พูลอาจจะทุ่มเงินซื้อนักเตะเกิน 100 ล้านปอนด์เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
ลิเวอร์พูลกับการก้าวข้ามกำแพง 100 ล้านปอนด์ครั้งแรก
หากดีลนี้สำเร็จตามที่ ฟาบริซิโอ โรมาโน่ นักข่าวคนดังรายงานไว้ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ จะกลายเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ของลิเวอร์พูลที่ย้ายเข้ามาร่วมทีมด้วยค่าตัวสูงเกิน 100 ล้านปอนด์ (หรือประมาณ 126 ล้านปอนด์) ซึ่งจะเป็นสถิติใหม่ของสโมสรและของบุนเดสลีกาในแง่ของค่าตัวผู้เล่นที่ย้ายออก
สถานะของดีล: "ตกลงด้วยวาจา" ที่ยังไม่เป็นทางการ
แม้ว่าฟาบริซิโอ โรมาโน่ จะประกาศ "Here we go" และยืนยันว่าลิเวอร์พูลกับเลเวอร์คูเซ่นได้บรรลุข้อตกลงด้วยวาจากันแล้ว โดยมีค่าตัวเป็นไปตามที่ "ห้างยา" ต้องการ (150 ล้านยูโร) และเวียร์ตซ์ก็ตกลงเงื่อนไขส่วนตัวกับ "หงส์แดง" (คาดว่าเซ็นสัญญา 5 ปี) รวมถึงเตรียมเดินทางมาตรวจร่างกายและเซ็นสัญญาในเร็วๆ นี้
แต่สิ่งสำคัญที่ต้องเน้นย้ำคือ นี่เป็นการ "ตกลงด้วยวาจา" ซึ่งอาจตีความได้ว่าทั้งสองสโมสรมีความเข้าใจร่วมกันในหลักการแล้ว ทว่าในมุมทางการค้าและเอกสาร ยังไม่มีการเซ็นชื่อหรือยืนยันสุดท้าย ดังนั้นจึงยังไม่ถือว่าเป็นข้อตกลงที่เสร็จสมบูรณ์ ดีลนี้ไม่ได้ล่มแต่อย่างใด และทิศทางไม่ได้มีไปในทางโดนปฏิเสธ เพียงแต่ถ้าจะให้พูดแบบทางการ มันยังไม่เกิดขึ้นเท่านั้น
ผลงานของ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ กับ เลเวอร์คูเซ่น
ก่อนที่เวียร์ตซ์จะเตรียมย้ายซบลิเวอร์พูล เขาได้สร้างผลงานอันโดดเด่นกับไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น
ลงเล่น: 197 นัด
ประตู: 57 ประตู
แอสซิสต์: 65 แอสซิสต์
ความสำเร็จ: แชมป์บุนเดสลีกา 2023-24 (ช่วยสโมสรคว้าดับเบิ้ลแชมป์ไร้พ่าย)
เปรียบเทียบกับทีมคู่แข่ง: นักเตะเกิน 100 ล้านปอนด์ และความคุ้มค่า
เพื่อเห็นภาพความสำคัญของดีลนี้ เรามาดูตัวอย่างนักเตะที่ย้ายด้วยค่าตัวเกิน 100 ล้านปอนด์ของสองทีมคู่แข่งในพรีเมียร์ลีกอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมประเมินความคุ้มค่าเบื้องต้น
1. แมนเชสเตอร์ ซิตี้
แจ็ค กรีลิช (Jack Grealish)
ค่าตัว: ประมาณ 100 ล้านปอนด์ (จากแอสตัน วิลล่า)
ความคุ้มค่า: ในช่วงแรกกรีลิชอาจจะต้องใช้เวลาปรับตัว แต่เขาเป็นส่วนสำคัญในการช่วยให้แมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกและยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกได้สำเร็จ แม้สถิติประตูและแอสซิสต์อาจจะไม่สูงเท่าที่หลายคนคาดหวัง แต่บทบาทในการสร้างสรรค์เกม การเก็บบอล และการดึงตัวประกบถือว่ามีประโยชน์อย่างมากต่อทีม ถือว่า "คุ้มค่า" ในแง่ของถ้วยรางวัลที่ได้
โรดรี้ (Rodri) - แม้ค่าตัวจะไม่ถึง 100 ล้านปอนด์ (ประมาณ 62 ล้านปอนด์) แต่ผลงานและความสำคัญต่อทีมถือว่า "คุ้มค่า" เกินราคาอย่างมหาศาล เขาเป็นหัวใจของแดนกลางแมนฯ ซิตี้ที่ช่วยให้ทีมครองความยิ่งใหญ่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
2. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ปอล ป็อกบา (Paul Pogba)
ค่าตัว: ประมาณ 89 ล้านปอนด์ (สถิติโลกในขณะนั้น จากยูเวนตุส) - แม้จะไม่ถึง 100 ล้านปอนด์เต็มๆ แต่เป็นการซื้อที่ใกล้เคียงและเป็นที่พูดถึงอย่างมากว่าเป็นดีลที่แพง
ความคุ้มค่า: ผลงานของป็อกบากับแมนฯ ยูไนเต็ดค่อนข้างไม่สม่ำเสมอ มีช่วงที่โชว์ฟอร์มได้ดี แต่ก็มีช่วงที่เจ็บและฟอร์มตก รวมถึงประเด็นนอกสนามที่ส่งผลกระทบต่อทีมโดยรวม แม้จะช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ยูโรปาลีกและลีก คัพได้ แต่โดยรวมแล้ว หลายคนมองว่า "ไม่คุ้มค่า" เมื่อเทียบกับค่าตัวและความคาดหวัง
แฮร์รี่ แม็กไกวร์ (Harry Maguire)
ค่าตัว: ประมาณ 80 ล้านปอนด์ (จากเลสเตอร์ ซิตี้) - สถิติโลกสำหรับกองหลังในขณะนั้น
ความคุ้มค่า: แม็กไกวร์ได้รับบทบาทเป็นกัปตันทีมและมีช่วงที่ฟอร์มดี อย่างไรก็ตาม มีช่วงที่ฟอร์มตกอย่างรุนแรงและถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก การแบกรับความกดดันในฐานะกองหลังที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลกส่งผลต่อฟอร์มการเล่นของเขาพอสมควร ถือว่าโดยรวมแล้ว "ไม่คุ้มค่า" เมื่อเทียบกับค่าตัวและความคาดหวังที่สูงมาก
ดีลของ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ กับลิเวอร์พูล ถือเป็นก้าวสำคัญที่อาจจะพา "หงส์แดง" ก้าวสู่ยุคใหม่ของการทุ่มตลาดซื้อขาย อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของดีลนี้จะขึ้นอยู่กับผลงานของนักเตะในสนาม และความคุ้มค่าจะถูกประเมินเมื่อเวลาผ่านไป เช่นเดียวกับตัวอย่างนักเตะราคาแพงของทีมอื่น ๆ ที่แสดงให้เห็นว่า "ราคา" ไม่ได้เป็นเครื่องรับประกัน "ความสำเร็จ" เสมอไป