กู้ชีพท่องเที่ยวไทย ! เร่งฟื้นความเชื่อมั่นดึงตลาดจีนกลับคืน
ไทยเผชิญนักท่องเที่ยวลดลง โดยเฉพาะจีน ททท.ปรับลดเป้ารายได้ เหลือ 3 ล้านล้าน เร่งกู้ภาพลักษณ์ความปลอดภัย พร้อมลุยหาตลาดใหม่ทดแทนนักท่องเที่ยวหลัก
ไทยเผชิญวิกฤตนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง โดยเฉพาะจีนที่หายไป 25% ททท.ปรับลดเป้ารายได้เหลือ 3 ล้านล้านบาท พร้อมเร่งแก้ปัญหาภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย และหาตลาดคุณภาพทดแทน"
เฮดไลน์และโปรยข่าวนี้เน้นที่การกู้ชีพท่องเที่ยวไทยตามที่คุณต้องการ โดยสื่อถึงความพยายามในการ
วิกฤตการท่องเที่ยวไทย: เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง การแข่งขันสูงขึ้น
ท่ามกลางความหวังที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยจะฟื้นตัวอย่างเต็มรูปแบบหลังจากวิกฤติโควิด-19 คลี่คลาย ปี 2568 กลับนำมาซึ่งความท้าทายครั้งใหม่ เมื่อตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มส่งสัญญาณถดถอย โดยเฉพาะตลาดจีนซึ่งเคยเป็นฐานนักท่องเที่ยวหลักของประเทศไทย บทความนี้จะวิเคราะห์รากเหง้าของปัญหา ผลกระทบ และแนวทางฟื้นฟูที่รัฐบาลและภาคเอกชนต้องเร่งดำเนินการ
สถานการณ์ปัจจุบัน: ตัวเลขที่น่ากังวล
ตามรายงานจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม-เมษายน) มีจำนวนสะสม 12.09 ล้านคน ติดลบ 0.26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แม้จะสร้างรายได้ 5.77 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.24% แต่สัญญาณที่น่ากังวลคือการลดลงของนักท่องเที่ยวจีนถึง 25% เหลือเพียง 1.64 ล้านคน
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ปรับลดเป้าหมายรายได้รวมการท่องเที่ยวปี 2568 จากเดิมที่ตั้งไว้ 3.4-3.5 ล้านล้านบาท เหลือเพียง 3 ล้านล้านบาท และประเมินว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปีอาจเพียงทรงตัวที่ 35.5 ล้านคนเท่ากับปีที่แล้ว ไม่ถึงเป้าหมายเดิมที่ 36.7 ล้านคน
วิเคราะห์สาเหตุหลักที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง
1. เหตุการณ์ลบกระทบภาพลักษณ์ความปลอดภัย
ประเทศไทยเผชิญกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันหลายครั้งที่บั่นทอนความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะตลาดจีนซึ่งมีความอ่อนไหวสูง:
- เหตุกราดยิงที่สยามพารากอน ซึ่งมีนักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิต เกิดขึ้นในช่วงวันชาติจีน (1-7 ตุลาคม) อันเป็นช่วงไฮซีซั่นของนักท่องเที่ยวจีน ส่งผลให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนในช่วงนั้นลดลงอย่างฮวบฮาบ
- กรณีนักแสดงชาวจีน "ซิงซิง" ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในต้นปี 2568 เป็นข่าวใหญ่ที่กระทบภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยของไทยอย่างรุนแรง
- เหตุแผ่นดินไหว คดีฆาตกรรมสาว LGBTQ และประเด็นเกี่ยวกับ "จีนเทา" ถูกขยายความและแชร์ต่อในสื่อสังคมออนไลน์ของจีน สร้างความหวาดระแวงให้กับนักท่องเที่ยวจีนที่วางแผนมาเที่ยวไทย
2. การแข่งขันสูงจากประเทศเพื่อนบ้าน
ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่างเร่งรุกดึงนักท่องเที่ยวจีนอย่างหนัก:
- เวียดนามและมาเลเซีย ใช้นโยบายวีซ่าฟรีดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปยังประเทศเหล่านี้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
- จีนเองก็หันมารุกอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ส่งเสริมให้ชาวจีนท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น และพัฒนาการท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ กลายเป็นคู่แข่งรายใหม่ของไทย
3. ปัจจัยเศรษฐกิจโลกและพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป
- เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่งผลให้กำลังซื้อของนักท่องเที่ยวจากหลายประเทศลดลง รวมถึงตลาดยุโรปและอเมริกา
- นักท่องเที่ยวจีนเลือกจุดหมายปลายทางที่ประหยัดกว่า หรือหันไปท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวและความกังวลด้านความปลอดภัย
ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย
การลดลงของนักท่องเที่ยวจีนส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากจีนคือตลาดใหญ่อันดับ 1 ของภาคท่องเที่ยวไทย ที่เคยทำสถิติสูงสุด 11.13 ล้านคนในปี 2562 ก่อนโควิด คิดเป็นสัดส่วน 28% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด
นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยอมรับว่าสถานการณ์เริ่มเข้าขั้นวิกฤติ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวถือเป็น "เครื่องจักรเดียวที่เหลืออยู่" ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
ททท. ได้ประเมินกรณีเลวร้ายที่สุดว่า หากสถานการณ์บานปลาย นักท่องเที่ยวจีนอาจเหลือเพียง 4-5 ล้านคนในปี 2568 ลดลงอย่างมากจาก 6.73 ล้านคนในปี 2567 แม้จะพยายามปรับแผนส่งเสริมตลาดระยะไกลจากยุโรปและตะวันออกกลาง ซึ่งมีอัตราการเติบโตที่ดีและใช้จ่ายต่อทริปสูง แต่ไม่สามารถทดแทนการสูญเสียจากตลาดจีนได้อย่างเพียงพอ
แนวทางฟื้นฟูการท่องเที่ยวไทย
หน่วยงานภาครัฐและเอกชนจำเป็นต้องเร่งดำเนินการฟื้นฟูความเชื่อมั่นและสร้างความแข็งแกร่งให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย
1. ฟื้นฟูความเชื่อมั่นในระดับรัฐต่อรัฐ (G2G)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ วางแผนเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีน มาร่วมงานเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ครบ 50 ปี ไทย-จีน ในเดือนกรกฎาคม 2568 เพื่อกระชับความสัมพันธ์และสร้างความเชื่อมั่น
2. ปรับกลยุทธ์ส่งเสริมการตลาด
ททท. มุ่งสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวคุณภาพ แม้จำนวนอาจลดลงแต่รายได้ยังสามารถเติบโตได้ผ่านการดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีกำลังใช้จ่ายสูง โดยเฉพาะจากตลาดระยะไกลอย่างยุโรป ตะวันออกกลาง และสหรัฐฯ
3. ส่งเสริมตลาดในประเทศให้เป็นความหวังของชุมชน
ตลาดนักท่องเที่ยวชาวไทยถูกคาดหวังให้เป็น "ความหวังของหมู่บ้าน" ยังคงตั้งเป้าที่ 205 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 1.17 ล้านล้านบาท เพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในภาพรวม
4. พัฒนาสินค้าท่องเที่ยวให้โดดเด่นและแข่งขันได้
ท่ามกลางการแข่งขันรุนแรงระดับโลก ประเทศไทยจำเป็นต้องพัฒนาสินค้าและบริการท่องเที่ยวให้แตกต่างและมีคุณภาพสูง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อในช่วงที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว
วิกฤตการท่องเที่ยวไทยในปี 2568 มีสาเหตุหลายประการทั้งจากภาพลักษณ์เชิงลบด้านความปลอดภัย การแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากประเทศเพื่อนบ้าน และปัจจัยเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะการลดลงของนักท่องเที่ยวจีนที่เคยเป็นตลาดใหญ่ที่สุด ส่งผลให้ต้องมีการปรับลดเป้าหมายรายได้ลง
อย่างไรก็ตาม ยังมีสัญญาณบวกจากนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีการใช้จ่ายสูงขึ้น และโอกาสจากตลาดระยะไกลที่ยังเติบโตได้ดี รวมถึงตลาดในประเทศที่ยังคงเป็นฐานสำคัญ
การฟื้นฟูการท่องเที่ยวไทยจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการปรับปรุงภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย สร้างความเชื่อมั่นในระดับนโยบาย และพัฒนาสินค้าท่องเที่ยวให้มีคุณภาพ เพื่อให้ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลกในสภาวะการแข่งขันที่ท้าทายนี้


