ราชกิจจาฯประกาศยกเว้นคุมขายเหล้าวันพระเฉพาะพื้นที่กำหนด
รัฐบาลปรับปรุงกฎหมายคุมขายเหล้า ขยายข้อยกเว้นจำหน่ายได้ในอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศของสนามบิน- สถานบริการ-โรงแรม และแหล่งท่องเที่ยวบางแห่ง
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดวันห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2568ลงนามโดยนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันที่ประกาศ (วันที่7พฤษภาคม2568) เป็นการยกเลิกประกาศฉบับเดิม พ.ศ. 2567 และปรับปรุงข้อยกเว้นการห้ามขายในวันสำคัญทางศาสนา
อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 นายกรัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ได้ออกประกาศกำหนดวันห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใน วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา และวันออกพรรษา เช่นเดิม
แต่ได้มีการขยายข้อยกเว้นให้สามารถขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ในสถานที่ดังต่อไปนี้
(1) ภายในอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศของสนามบินที่ให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศ
(2) สถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ
(3) สถานประกอบการคล้ายสถานบริการในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข โดยคำแนะนำกระทรวงมหาดไทย
(4) โรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม
(5) สถานที่จัดกิจกรรมพิเศษระดับชาติหรือนานาชาติ ที่มีคนจำนวนมากร่วมกิจกรรม ตามรายชื่อที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศ โดยคำแนะนำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ประกาศนี้ยังคงกำหนดให้ผู้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามข้อยกเว้นดังกล่าว ต้องจัดให้มีการคัดกรองและมีมาตรการที่จำเป็น เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม ความปลอดภัยของประชาชน และจำกัดการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของเด็กและเยาวชนด้วย
การปรับปรุงกฎหมายห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2568 ที่ขยายข้อยกเว้นให้ขายในบางสถานที่ช่วงวันสำคัญทางศาสนา คาดการณ์ว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งด้านบวกและลบ โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้
ผลกระทบเชิงบวก: คาดว่าจะกระตุ้นการท่องเที่ยว เพิ่มรายได้ผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร และสร้างบรรยากาศทางเศรษฐกิจในแหล่งท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม การผ่อนคลายกฎเกณฑ์อาจนำไปสู่การบริโภคโดยรวมที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ผลกระทบเชิงลบ: การเข้าถึงแอลกอฮอล์ที่ง่ายขึ้นอาจเพิ่มความเสี่ยงด้านสังคมและสุขภาพ และอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์แหล่งท่องเที่ยวหากไม่มีการควบคุมที่ดี นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงอาจไม่ส่งผลต่อการบริโภคมากนักเนื่องจากยังคงมีการห้ามขายในวันสำคัญทางศาสนาหลัก และอาจก่อให้เกิดข้อถกเถียงทางศาสนาและวัฒนธรรม
ทั้งนี้ การปรับปรุงกฎหมายมีศักยภาพในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ต้องมีการบริหารจัดการและควบคุมผลกระทบด้านลบอย่างรอบคอบ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเศรษฐกิจโดยรวม ควบคู่ไปกับการรักษาความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตของประชาชน