ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท สู่ภูฏาน ดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า
หลังการเสด็จเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการของรัชกาลที่ 10 ภูฏานกลายเป็นจุดหมายที่น่าค้นหา ทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม และสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับไทย
ภูฏาน ดินแดนแห่งมังกรสายฟ้าที่เต็มไปด้วยมนตร์เสน่ห์ เปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่กำลังแสวงหาความเงียบสงบ วัฒนธรรมอันรุ่มรวย และความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ โดยปัจจุบันสามารถเดินทางได้สะดวกกว่าที่เคย เพราะมีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ ให้บริการโดยใช้เวลาเพียงสามชั่วโมงเศษ รวมถึงขั้นตอนการขอวีซ่าที่รวดเร็วยิ่งขึ้น จึงทำให้การเดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศภูฏานสะดวกสบายกว่าเดิม
การเสด็จเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
แสดงให้เห็นถึงมิตรภาพอันแน่นแฟ้นระหว่างสองราชอาณาจักร และยังทำให้ประเทศภูฏานได้รับความสนใจในฐานะจุดหมายปลายทางที่มีความผูกพันทางวัฒนธรรมร่วมกับประเทศไทย เป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยมรดกทางจิตวิญญาณ ธรรมชาติอันบริสุทธิ์ และการต้อนรับอย่างจริงใจ ที่ทุกอย่างผสมผสานกันอย่างลงตัว
ปัจจุบัน ค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Fee – SDF) ถูกปรับลดลงในราคาใหม่ จาก 200 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อคืน เหลือเพียง 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อคืน สร้างแรงจูงใจต่อนักท่องเที่ยวเพื่อปักหมุดให้ประเทศภูฏานเป็นจุดหมายปลายทางสุดพิเศษที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันก็มั่นใจได้ว่าการท่องเที่ยวจะยังคงสนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนต่อไป
ภูฏานเป็นประเทศที่มาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยในแต่ฤดูกาลจะมอบประสบการณ์ที่แตกต่างกันออกไป ฤดูใบไม้ผลิมาพร้อมกับดอกโรโดเดนดรอน หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ กุหลายพันปลี ซึ่งออกดอกบานสะพรั่ง รวมถึงยังมีเทศกาลท้องถิ่นอันครึกครื้น เช่น เทศกาลพาโรเชชู หรือ เทศกาลระบำหน้ากากเมืองพาโร
ส่วนฤดูร้อน ภูเขาทั่วภูฏานจะถูกปกคลุมด้วยสีเขียวจากพันธุ์ไม้ สร้างบรรยากาศการพักผ่อนอันเงียบสงบสำรับนักเดินทางที่อยากปลีกวิเวก
แต่ก็ยังมีโอกาสได้ดื่มด่ำกับวัฒนธรรมของท้องถิ่น ท้องฟ้าจะใสราวกับแก้วคริสตัลในฤดูใบไม้ร่วง เหมาะสำหรับการเดินป่าและถ่ายภาพ
ในขณะที่ฤดูหนาวจะเผยให้เห็นเสน่ห์อันเงียบสงบของวัดที่ปกคลุมไปด้วยหิมะและเทศกาลเฉลิมฉลองในท้องถิ่นทั่วประเทศ ด้วยอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี และได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่อากาศดีที่สุดในโลก ภูฏานจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่นักเดินทางจะสามารถสูดหายใจได้อย่างเต็มปอด และเชื่อมโยงตัวเองเข้ากับธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง
ศิลปะและวัฒนธรรมอันล้ำค่าของภูฏานจะผูกโยงเข้ากับชีวิตประจำวันอย่างกลมกลืน ไม่ว่าจะเป็นลวดลายของป้อมปราการที่วาดด้วยมือ จิตรกรรมฝาผนังในวัดศักดิ์สิทธิ์ ระบำหน้ากากที่เชื่อมโยงระหว่างจิตวิญญาณและศาสนา เทคนิคการทอผ้าแบบโบราณ และสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนาอันซับซ้อน ซ่อนนัยยะบางอย่างไว้ให้นักเดินทางได้ตีความ สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย การเยือนภูฏานไม่ได้มีความหมายแค่การท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังเป็นการเดินทางทางจิตวิญญาณ สู่โลกแห่งความเรียบง่าย และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของทุกสรรพสิ่ง
นี่คืออีกหนึ่งโอกาสสำคัญสำหรับชาวไทยที่จะได้สำรวจประเทศที่ผู้คนใช้ชีวิตอย่างสมดุลกับธรรมชาติ โดยยึดหลักปรัชญาความสุขมวลรวมประชาชาติ ภูฏานพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทยด้วยความยินดี สืบสานสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างสองสถาบันกษัตริย์ มาค้นพบความมหัศจรรย์ดินแดนของมังกรสายฟ้า ที่ตั้งอยู่บนหลังคาโลกไปพร้อมกัน


