โดราเอมอนยักษ์ 12 เมตร บุกไอคอนสยาม! พร้อมผองเพื่อนเกือบร้อยตัว

 

วงการแอนิเมชันและอีเวนต์ของไทยกำลังจะถูกปลุกให้คึกคักอีกครั้ง เมื่อบริษัท Japan Anime Movie Thailand (JAM) ภายใต้การดูแลของ บริษัท ไฟว์สตาร์ เอเจนซี่ จำกัด ผนึกกำลังกับพันธมิตรระดับนานาชาติอย่าง Trendic International Limited และ Incubase Studio Limited รวมถึงพันธมิตรในประเทศอย่าง บริษัท เดกซ์ (ดรีม เอกซ์เพรส) จำกัด 

 

 

ประกาศจัดงาน "100% Doraemon in town" นิทรรศการโดราเอมอนขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่เตรียมมาจัดแสดง ณ ไอคอนสยาม เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 90 ปีแห่งการถือกำเนิดของโดราเอมอนและผองเพื่อน

 

โดยประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นประเทศลำดับที่ 3 ต่อจากฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ หลังได้รับกระแสตอบรับอย่างท่วมท้นจากสองเมืองแรก

 

ทีมข่าว Posttoday ได้มีโอกาสพูดคุยกับ คุณพิชชาภา ณรงค์พันธ์ กรรมการผู้จัดการ Japan Anime Movie Thailand ที่เผยถึงความยิ่งใหญ่ของงานครั้งนี้ว่า

 

เป็นการรวมพลังจากหลายภาคส่วนเพื่อดึงนิทรรศการระดับโลกมาสู่ประเทศไทย โดยงาน "100% Doraemon in town" จะจัดแสดงนานถึง 53 วัน  ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม – 22 มิถุนายน 2568 ณ ไอคอนสยาม ครอบคลุมทั้งพื้นที่ River Park ชั้น G และ Exhibition Hall ชั้น 6

 

"งานโดราเอมอนเป็นงานที่เราจ่ายค่าลิขสิทธิ์สูงที่สุดตั้งแต่เคยทำ Attraction มาค่ะ และยังเป็นงานที่เราจัดในระยะเวลาที่สั้นที่สุดด้วย"

"ปกติงานสเกลใหญ่แบบนี้เราอยากจัดสัก 3 เดือน เพื่อให้มีเวลาโปรโมทและค่อยๆ เก็บรายได้ แต่ครั้งนี้ถูกจำกัดให้จัดแค่ 53 วัน ซึ่งเป็นความท้าทายมาก"

ไฮไลต์สำคัญที่ River Park ชั้น G คือกองทัพหุ่นโดราเอมอนขนาดเท่าตัวจริง ส่งตรงมาจากฮ่องกง กว่า 90 ตัวที่นำมาโชว์ในอิริยาบถและเวอร์ชันที่แตกต่างกัน 

 

รวมถึงหุ่นเป่าลมโดราเอมอนยักษ์ขนาด 12 เมตร ซึ่งจะเป็นจุดถ่ายรูปที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับผู้เข้าชม 

 

ในส่วนของ Exhibition Hall ชั้น 6 จะเป็นนิทรรศการในร่มที่จัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาของโดราเอมอน ตั้งแต่จุดเริ่มต้นในมังงะ ไปจนถึงห้องที่ใช้เทคนิค Immersive และ Mapping Projection เพื่อพาผู้ชมเข้าสู่โลกของโดราเอมอนอย่างเต็มรูปแบบ

 

จุดเด่นของไอคอนสยามอีกประการคือโลเคชั่นของพื้นที่จัดงานที่ชั้น 6 ซึ่งอยู่ติดกับโซนอาหารและโรงภาพยนตร์ ทำให้มีผู้คนเดินผ่านตลอดเวลา แม้จะไม่ได้ตั้งใจมาชมงานโดยเฉพาะ แต่เมื่อเดินผ่านและเห็นงานก็จะเกิดความสนใจและเข้ามาชม

 

 

ต่างจาก Exhibition Hall ทั่วไปในศูนย์การค้าหลายแห่งที่มักจะอยู่ในจุดที่ผู้คนเดินทางผ่านน้อยกว่า ทำให้ไอคอนสยามมีข้อได้เปรียบในแง่ของการสร้าง Traffic ให้กับงานอีเวนต์

 

"โดราเอมอนเป็นคาแรคเตอร์ที่ทุกคนรู้จัก เชื่อว่าเป็นคาแรคเตอร์ที่ 'แมส' มากที่สุดตัวหนึ่ง ต่างจากอนิเมะเฉพาะกลุ่มบางเรื่อง ทำให้เราค่อนข้างมั่นใจว่าจะเข้าถึงคนไทยได้ในวงกว้าง"

คุณพิชชาภากล่าวพร้อมยอมรับว่า แฟนคลับโดราเอมอนในไทยมีจำนวนมหาศาล 

 

อย่างไรก็ตาม ด้านเป้าหมายทางธุรกิจ แม้สถิติในฮ่องกงที่มีผู้เข้าชมถึง 400,000 คนจะน่าประทับใจ แต่ JAM ตั้งเป้าผู้เข้าชมงานโดราเอมอนในไทยไว้ที่ประมาณ 100,000 คนตลอดระยะเวลาจัดงาน

 

เนื่องจากปัจจัยที่จัดขึ้นในช่วงฤดูร้อนทั้งยังมีฝนบ้างประปราย  และคาดการณ์รายได้จากค่าบัตรเข้าชมไว้ที่ 50 ล้านบาท ซึ่งไม่รวมรายได้จากสินค้าที่ระลึก

 

 

ในส่วนของบัตรเข้าชม งานนี้มีรูปแบบที่หลากหลาย โดยบัตรเข้าชมพื้นที่ River Park (ชมหุ่นโดราเอมอน 90 ตัว) ราคา 199 บาท เพื่อให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงและถ่ายรูปได้ง่าย ส่วนบัตรเข้าชมนิทรรศการชั้น 6 ราคาเริ่มต้นที่ 590 บาท โดยบัตรเข้าชมทั้งสองส่วนไม่จำกัดเวลาในการเข้าชม

 

เมื่อมองถึงสภาพเศรษฐกิจที่หลายฝ่ายกังวล คุณพิชชาภามองว่า จากประสบการณ์ของ JAM ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ที่จัดงาน Dino Lab แล้วได้รับการตอบรับที่ดี

 

แสดงให้เห็นว่าคนไทยยังคงใช้จ่ายเพื่อความบันเทิงและกิจกรรมที่พวกเขาสนใจ เพียงแต่อาจจะเลือกใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งงานที่มีเอกลักษณ์และน่าสนใจยังคงมีโอกาสในตลาดนี้

 

สำหรับแผนงานในปีนี้ นอกเหนือจากโดราเอมอน JAM ยังมีโปรเจกต์ที่น่าสนใจอย่าง Dandadan และ Junji Ito Horror House ซีซั่น 2

 

รวมถึงความพยายามที่จะเชิญอาจารย์จุนจิ อิโต้ เดินทางมาประเทศไทยด้วยตัวเอง ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาตารางงานที่แน่นของอาจารย์ในระดับโลก

 

 

เมื่อถามถึงของวิเศษโดราเอมอนที่ชื่นชอบ คุณพิชชาภาเผยกับทีมข่าว Posttoday ว่าในวัยเด็กเธอชอบ "ประตูไปไหนก็ได้" ด้วยความที่มันมอบความสะดวกสบายไปได้ทุกที่ทันที

 

แต่ในปัจจุบัน เธอเลือก "วุ้นแปลภาษา" เพราะมองว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์และตอบโจทย์การสื่อสารกับผู้คนได้ทุกภาษา

 

สำหรับตัวละครที่ชอบ เธอบอกว่าชอบโนบิตะมากถึงขั้นอ่านหนังสือที่วิเคราะห์วิถีเอาตัวรอดของโนบิตะ ซึ่งมองว่าเป็นวิชาที่ทุกคนควรมี