6 ปีไทยเจ้าภาพ"โมโตจีพี" กระตุ้นท่องเที่ยวบูมเศรษฐกิจ 2.5 หมื่นล้าน
เปิดตัวเลขประเทศไทยเดินหน้าจัดศึกโมโตจีพีปีที่ 6 สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสะสม 24,853 ล้านบาท มีผู้เข้าร่วมงาน 224,634 คน เฉพาะต่างชาติ 52,069 คนดึงดูดแฟนความเร็ว กระตุ้นท่องเที่ยว ขึ้นแท่นสนามเปิดฤดูกาลปี 2025 สะท้อนศักยภาพไทยในเวทีมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก
ปิดฉากลงไปแล้วสำหรับ โมโตจีพี สนามแรกที่ จ.บุรีรัมย์ นี่คือปีแรกที่ สนาม ช้างอินเตอร์เนชันแนลเซอร์กิต ได้โอกาสเป็นสนามเปิดฤดูกาล เช่นเดียวกับการลงแข่งในรุ่นใหญ่สุดของโลกครั้งแรกของ "ก้อง" สมเกียรติ จันทรา นักบิดชาวไทย และนี่คือบทสรุปภาพรวมของการแข่งขัน โมโตจีพี 2025 หรือ ไทยจีพี
ที่สุดของความเร็วและเสน่ห์ไทย
“โมโตจีพี” การแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลกที่เร็วที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุด ถือเป็นหนึ่งในกีฬายอดนิยมระดับโลกที่ถ่ายทอดสดไปกว่า 200 ประเทศ มีผู้ชมรวมทุกแพลตฟอร์มทะลุ 1,000 ล้านคน และประเทศไทยได้สร้างประวัติศาสตร์ในฐานะเจ้าภาพมาแล้ว 6 ปี (2561, 2562, 2565-2568) โดยหยุดชะงักเพียง 2 ปีจากโควิด-19 (2563-2564) แต่ทุกครั้งที่กลับมา สนามไทยไม่เคยทำให้ผิดหวัง ทั้งในแง่ความตื่นเต้นของการแข่งขันและพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ตลอด 6 ปี โมโตจีพี สนามประเทศไทย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมสูงถึง 24,853 ล้านบาท พร้อมเผยแพร่เสน่ห์ความเป็นไทยสู่สายตาชาวโลกผ่านสื่อมอเตอร์สปอร์ตชั้นนำ แสดงให้เห็นว่ามหกรรมนี้ไม่ใช่แค่การแข่งขัน แต่เป็นอีเวนต์ที่ยกระดับประเทศไทยในทุกมิติ
ปี 2568: สนามแรกของโลก โอกาสทองของไทย
ในปี 2568 ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพสนามเปิดฤดูกาลครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ภายใต้ชื่อ PT Grand Prix of Thailand 2025 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 ก.พ. - 2 มี.ค. ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยรวมทั้งการแถลงเปิดฤดูกาล (Season Premier) การทดสอบก่อนฤดูกาล (Pre-Season Test) และการแข่งขันหลัก (Main Race) ซึ่งดอร์น่า สปอร์ต ผู้จัดการแข่งขันระดับโลก ลงทุนใน 3 อีเวนต์นี้กว่า 23 ล้านยูโร (819 ล้านบาท) ไม่รวมงบประมาณจากฝั่งการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)
การเป็นสนามแรกของฤดูกาลเปรียบเสมือน “โอกาสทอง” ที่ทุกชาติอยากได้ เพราะเป็นจุดสนใจสูงสุดของสื่อและแฟนความเร็วทั่วโลก นักแข่งและทีมชั้นนำจะเผยโฉมรถแข่งใหม่ เทคโนโลยีล่าสุด และกลยุทธ์ที่กำหนดทิศทางของฤดูกาล 2568 ทำให้สนามไทยกลายเป็นเวทีชี้ชะตาและแสดงศักยภาพที่เหนือชั้น
ดันบุรีรัมย์จากเมืองรอง สู่เมืองแฟนกีฬา
ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา โมโตจีพีเปลี่ยนบุรีรัมย์ให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางของแฟนกีฬาหลายแสนคนทั่วโลก
ปี 2561: ผู้ชม 222,535 คน
ปี 2562: 226,655 คน
ปี 2565: 178,463 คน
ปี 2566: 179,811 คน
ปี 2567: 205,373 คน
ปี 2568: 224,634 คน
ในปีล่าสุด (2568) มีผู้เข้าร่วมงานถึง 224,634 คน แบ่งเป็นคนไทย 172,565 คน และชาวต่างชาติ 52,069 คน นับเป็นงานกีฬาระดับโลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่จัดในประเทศไทย สร้างปรากฏการณ์ “ถนนทุกสายมุ่งสู่บุรีรัมย์” ได้อย่างแท้จริง
พลังเศรษฐกิจจากสองล้อ
โมโตจีพีไม่ใช่แค่กีฬา แต่เป็นเครื่องจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ทรงพลัง มูลค่าทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในแต่ละปีเติบโตอย่างต่อเนื่อง:
ปี 2561: 3,053 ล้านบาท
ปี 2562: 3,457 ล้านบาท
ปี 2565: 4,048 ล้านบาท
ปี 2566: 4,493 ล้านบาท
ปี 2567: 4,759 ล้านบาท
ปี 2568: 5,043 ล้านบาท
ในสนามล่าสุด (2568) การใช้จ่ายรวมแตะ 4,268 ล้านบาท จากงบจัดงาน 775 ล้านบาท สร้างงานกว่า 7,772 ตำแหน่ง และภาษีให้รัฐกว่า 318 ล้านบาท ตัวเลขเหล่านี้พิสูจน์ว่าโมโตจีพีเป็นมากกว่าการแข่งขัน แต่เป็นกลไกสำคัญที่กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นและระดับชาติ
เสน่ห์ไทยที่โลกชื่นชม
นอกเหนือจากความเร็วในสนาม โมโตจีพียังนำเสนอ “วิถีไทย” ที่ครองใจแฟน ๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น “ชัตเติ้นแต๋น” รถรับส่งสไตล์อีสานที่ตกแต่งสวยงาม, จิตอาสา “GU เก็บ” ที่ดูแลความสะอาด, หรือทีม “Ask Me” อาสาสมัครกว่า 500 คนที่คอยช่วยเหลือผู้มาเยือน รวมถึงเทศกาลนอกสนามที่เต็มไปด้วยคอนเสิร์ต ศิลปินดัง มวยไทย และบูธสินค้าจากแบรนด์ชั้นนำ
ความภาคภูมิใจของประเทศไทย
โมโตจีพี สนามประเทศไทย เป็นผลสำเร็จจากนโยบาย “Sport Tourism” และ “World Grand Prix” ที่ชัดเจน โดยเฉพาะในปี 2568 ที่ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา กลายเป็นนักแข่งไทยคนแรกที่ลงแข่งในคลาสสูงสุด (MotoGP) ตลอดฤดูกาล สร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนและชื่อเสียงให้ประเทศ


