นับถอยหลังเกมสุดท้าย ลิเวอร์พูล อำลา "เจอร์เก้น คล็อปป์"
ทราบกันดีแล้วว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน จะลงจากตำแหน่งลิเวอร์พูลหลังจากจบฤดูกาลนี้ ด้วยเหตุผลส่วนตัวที่ต้องการพักและหมดพลังในการทำงาน
แม้แมตช์ส่งท้ายกับวูล์ฟ คืนวันอาทิตย์ที่ 19 พ.ค. 67 เวลา 22.00 น. จะไม่เป็นไปอย่างที่แฟน"หงส์" เคยฝันไว้ว่าจะฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีก รวมถึงลุ้น 4 แชมป์เพื่อส่งกุนซือที่พวกเขารัก
แต่กลายเป็นเล่นให้ครบจบโปรแกรมเพราะลิเวอร์พูล ได้เพียงแชมป์เดียวคือคาราบาว ที่ได้ไปเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์
ทว่านั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับแฟนหงส์แดงได้รับความสุขลุ้นเชียร์บอลสนุกตลอด 9 ปีเต็มที่มีเจอร์เก้น คล็อปป์ทำทีมอยู่ข้างสนาม
และนี่คือผลงานที่เจอร์เก้น คล็อปป์ทำไว้ให้ลิเวอร์พูลตลอด 9 ปีที่ผ่านมา
- แชมป์ พรีเมียร์ลีก 1 สมัย 2019-20
- แชมป์ เอฟเอ คัพ 1 สมัย 2021-22
- แชมป์ลีก คัพ (คาราบาว คัพ) 2 สมัย 2021-22 และ 2023-24
- แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย 2018-19 และ รองแชมป์ 2 สมัย 2017-18 และ 2021-22
- แชมป์ยูฟ่า ซุเปอร์คัพ 2019
- แชมป์ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2019
- รองแชมป์ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก 2015-16
เหตุผลที่แฟนหงส์รัก "เจอร์เก้น คล็อปป์"
ทีนี้เราไปดูเหตุผลที่แฟนหงส์แดงทำไมถึงรักกุนซือชาวเยอรมันคนนี้แบบหมดหัวใจ แม้คล็อปป์จะคุมทีม 9 ปีและได้แชมป์ระดับเมเจอร์"ไม่มากนัก" เมื่อเทียบกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า , อาร์แซน เวนเกอร์ หรือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสั
เหตุที่แฟนหงส์ให้ใจ "คล็อปป์" ไปเต็มๆคือการปลุกความเป็นลิเวอร์พูล ความเป็นเครื่องจักรสีแดง (Red Machine) กลับมาด้วยการติดตั้งระบบ"เฮฟวี่ เมทัล” ใส่ทีม
ระบบดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วง ปีที่สองในการคุมทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผลงานของ ลิเวอร์พูล เขาได้ปลูกฝังแนวทางการเล่นสไตล์ “เฮฟวี่ เมทัล” เข้าไปให้กับลูกทีม อาทิ “เกเก้นเพรสซิ่ง” เข้ากดดันคู่ต่อสู้อย่างไม่พักตั้งแต่แดนหน้า และทำงานอย่างหนักตลอด 90 นาที
ซึ่งการเล่นในแนวทางนี้ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ ลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมที่มีแนวรุกทำประตูได้มากมาย แม้จะส่งผลต่อสภาพร่างกายลูกทีมที่มักจะพลาดช่วงท้ายฤดูกาลก็ตาม
อย่างไรก็ตามแฟนหงส์ไม่แคร์ เพราะคล็อปป์ สร้างเครื่องจักรเกมรุกอย่าง โม ซาลาห์ , ซาดิโอ มาเน่ รวมถึง บ็อบบี้ ฟีร์มีโน่ ขึ้นมา ซึ่งทั้งสามคน เล่นกันได้อย่างรู้ใจกัน จนถูกยกย่องให้เป็นสามประสานที่ดีที่สุดตั้งแต่ลิเวอร์พูลเคยมีมา
ฤดูกาล 2017-18 โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และ ซาดิโอ มาเน่ ต่างช่วยกันยิงประตูรวมกันไปมากถึง 57 ประตู
และอีกผลงานที่แฟนหงส์จดจำไม่มีวันลืมไปตลอดกาล ก็คือการยิงประตูชนะคู่รักคู่แค้นที่แย่งความสำเร็จกันมาตลอดอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปถึง 7-0 ในฤดูกาล 2022-23 ซึ่งสกอร์ดังกล่าว เป็นสกอร์ที่ชนะแมนยูขาดลอยมากที่สุดตลอดกาล 128 ปี
หรือจะฤดูกาล 2021-22 ที่ลิเวอร์พูลก็เอาชนะแมนยูแบบไปกลับ ด้วยสกอร์รวมถึง 9-0 โดยชนะที่แอนฟิลด์ 4-0 และ บุกไปยำใส่ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด 5-0 มาแล้ว
และ 1,033 ลูก คือจำนวนประตูจากทุกรายการที่ ลิเวอร์พูล ทำได้ในยุคของ คล็อปป์ ก่อนจะถึงเกมกับ วูล์ฟส์ แม้เกมแรกของเขาในฐานะกุนซือของทีมนั้นคือวันที่เสมอกับ สเปอร์ส ในลีก 0-0
ปัจจุบันมีนักเตะทั้งหมด 63 คนที่ทำประตูให้ ลิเวอร์พูล ในยุคของคล็อปป์ คนที่ยิงได้มากที่สุดคือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ทำได้ถึง 211 ลูก รองลงมาคือ ซาดิโอ มาเน่ ที่จำนวน 120 ประตู ต่อด้วย โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ จากจำวน 111 ลูก
บทส่งท้ายกุนซือที่แฟนหงส์รักที่สุด
การจากไปของ เจอร์เก้น คล็อปป์ คือสิ่งที่ช็อกแฟนบอล ลิเวอร์พูล มากที่สุดไม่แพ้วันที่เคนนี่ ดัลกลิช ประกาศอำลาทีมช่วงปลายยุค 80 เพราะทดแรงกดดันหลายอย่างไม่ไหว
แต่กับคล็อปป์นั้นต่างกัน เพราะลิเวอร์พูล เวลานั้น (ช่วงที่คล็อปป์ ประกาศลาทีม) คือทีมที่กำลังโชว์ฟอร์มได้ร้อนแรงและมีลุ้น 4 แชมป์ เล่นดีชนิดที่ทีมตามท้อถอดใจ และแฟนบอลกำลังฝันไกลว่า ลิเวอร์พูล เวอร์ชั่น 2.0 ของคล็อปป์ จะต่อยอดความสำเร็จไปเรื่อยๆไม่วันหมด
สุดท้ายวัฏจักรของฟุตบอลก็วนลูปกลับมาที่จุดเริ่มต้นใหม่ไม่มีใครอยู่กับทีมได้ตลอดกาล และคล็อปป์ กำลังจะอำลาทีมไปหลังจบเกมในคืนนี้ (อาทิตย์ที่ 19 พ.ค.67)
โชคดีเจอร์เก้น คล็อปป์ กับผลงานและสีสันตลอด 9 ปีที่ทำให้ลิเวอร์พูล