ปปป. ดักรวบ “นายก อบต.หัวหว้า" เอี่ยว ทุจริตรีดเงิน แลกออกใบอนุญาต
ตำรวจ ปปป. ดักรวบ “นายก อบต.หัวหว้า ปราจีนบุรี” เอี่ยวคดีแก๊ง “เสี่ยน้อย” เจ้าพ่อธุรกิจรับเหมาศรีมหาโพธิ ทุจริตรีดเงินผู้ประกอบการรายย่อย แลกออกใบอนุญาต
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. สั่งการ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.อ.วนัสชัย ยิ่งยงสมสวัสดิ์ ผกก.2 บก.ปปป. พ.ต.ท.ประดิษฐ์ สีฟอง สว.กก.2 บก.ปปป. นำกำลังดักจับกุม นายสุรชัย อายุ 64 ปี นายกอบต.หัวหว้า อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค2 ลงวันที่ 24 ธ.ค.2568
ข้อหา “เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบ, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันเรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบ” ขณะกำลังเดินทางชิงเข้ามอบตัวต่อสู้คดี ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.)
สำหรับการจับกุม นายสุรชัย นายกอบต.หัวหว้า ครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจ กก.2 บก.ปปป. ได้วางแผนจับกุม สิบเอกจักรพันธ์ อายุ 45 ปี หัวหน้าฝ่ายแบบแผนและก่อสร้าง อบต.หัวหว้า และ นายสายันต์ หรือ เสี่ยน้อย อายุ 63 ปี ผู้ประกอบการรับเหมารายใหญ่ในพื้นที่ หลังร่วมกัน ข่มขู่รีดเงินผู้ประกอบการรายย่อย 6.5 ล้านบาท แลกออกใบอนุญาตก่อสร้างโกดัง จึงขยายผลสืบสวนต่อเนื่องเรื่อยมา
กระทั่งพบหลักฐานสำคัญเกี่ยวกับเส้นทางการเงินของผู้ต้องหาทั้ง 2 รายแรก ที่เชื่อมโยงไปถึงตัว นายสุรชัย ผู้ต้องหารายนี้ซึ่งมีอำนาจในการตัดสินลงนามอนุมัติออกใบอนุญาตได้โดยตรง สอดคล้องกับพยานหลักฐานอื่นๆ
โดยเฉพาะหลักฐานเกี่ยวกับข้อมูลการติดต่อสื่อสารของนายสุรชัย กับ ผู้ต้องหาทั้งสองรายแรก ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่มีการเจรจา และ เรียกรับเงินจากผู้เสียหาย จึงทำให้เจ้าหน้าที่เชื่อว่า นายสุรชัย ผู้ต้องหารายนี้มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังของการทุจริตดังกล่าว
ประกอบกับช่วงที่ผ่านมา ได้มีกระแสข่าวลือหนาหูในพื้นที่ อ.ศรีมหาโพธิ ว่า ตัว นายสุรชัย นั้นได้จ่ายเงินวิ่งเต้น หรือ เคลียร์คดี กับทาง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กว่า 10 ล้านบาท เพื่อให้ตัวเองรอดพ้นจากการถูกดำเนินคดีได้ เจ้าหน้าที่จึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับเมื่อวานที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามระหว่างนั้น นายสุรชัย เกิดรู้ตัวว่ากำลังจะถูกดำเนินคดี จึงพยายามเก็บตัวเงียบอยู่แต่ในบ้านพัก ไม่ออกนอกบ้านไปเดินสายหาเสียงเตรียมเลือกตั้งเหมือนเช่นเคย ก่อนจะรีบเดินทางมายังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ของวันนี้ เพื่อหวังจะชิงมอบตัวขอสู้คดีก่อน แต่ก็ไม่เป็นผลเนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ปปป. ดักสกัดจับกุมตัวได้เสียก่อน
จากการสอบสวน นายสุรชัย ให้การปฏิเสธอ้างว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดทุจริตเรียกรับเงินแลกออกใบอนุญาตจากผู้ประกอบการของผู้ต้องหาทั้งสองรายแรกแต่อย่างใด
ขณะที่ในส่วนของกรณีที่มีกระแสข่าวลือว่าตนเองสามารถวิ่งเต้นเคลียร์คดีกับทาง “บิ๊กเต่า” ได้แล้วนั้น ยืนยันว่าตนเองไม่เคยพูด และ ไม่เคยแอบอ้างชื่อของ “บิ๊กเต่า” แม้แต่ครั้งเดียว แต่การที่มีกระแสข่าวลือเช่นนี้ออกมา ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นการปล่อยข่าวจากผู้ไม่หวังดี เพื่อหวังดิสเครดิตตนให้ได้รับความเสื่อมเสียมากกว่า
อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การทั้งหมด เนื่องจากพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบค่อนข้างบ่งชี้ว่าเจ้าตัวมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีทุจริตดังกล่าว จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปปป. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


