posttoday

สธ.เผยความพร้อมดูแลประชาชน แม้รพ.ปิดตัวแล้ว 12 แห่ง จากเหตุไทย-กัมพูชา

11 ธันวาคม 2568

สธ.เผยความพร้อมในการดูแลประชาชนและผู้ป่วย ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา หลังรพ.ปิดตัวแล้ว 12 แห่ง และปิดบางส่วน 8 แห่ง

KEY

POINTS

  • จากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้โรงพยาบาลต้องปิดทำการแล้ว 12 แห่ง และปิดบริการบางส่วนอีก 8 แห่ง
  • กระทรวงสาธารณสุขยืนยันความพร้อมในการดูแลประชาชน โดยมีเตียงสำรองเพียงพอ ทั้งเตียง ICU กว่า 100 เตียง และเตียงสามัญ 4,000 เตียง
  • มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม 1 แห่งที่ จ.สระแก้ว พร้อมเคลื่อนย้ายผู้ป่วย 634 รายไปยังพื้นที่ปลอดภัย และจัดทีมแพทย์ดูแลผู้อพยพกว่า 2.5 แสนคน
  • สธ. เชิญชวนประชาชนร่วมบริจาคโลหิตเพื่อสำรองไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน แม้ปัจจุบันคลังเลือดยังมีเพียงพอ

นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงความพร้อมด้านสาธารณสุขต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ (11 ธันวาคม 2568) ว่า

จากเหตุปะทะที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ต้องมีการปิดโรงพยาบาลในพื้นที่เสี่ยงใน จ.สระแก้ว เพิ่มอีก  2 แห่ง คือ รพ.อรัญประเทศ และ รพ.คลองหาด  ทำให้มีรพ.ที่ปิดไปแล้ว 12 แห่ง ได้แก่

  1. รพ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี
  2. รพ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธาน
  3. รพ.น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี
  4. รพ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
  5. รพ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ
  6. รพ.กาบเชิง จ.สุรินทร์
  7. รพ.พนมดงรักเฉลิมพระเกียรติฯ จ.สุรินทร์
  8. รพ.ตาพระยา จ.สระแก้ว
  9. รพ.โคกสูง จ.สระแก้ว
  10. รพ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์
  11. รพ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
  12.  รพ.คลองหาด จ.สระแก้ว

 

และปิดบริการบางส่วนอีก 8 แห่ง ได้แก่

  1. รพ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ
  2. รพ.ปราสาท จ.สุรินทร์
  3. รพ.สังขะ จ.สุรินทร์
  4. รพ.บัวเชด จ.สุรินทร์
  5. รพ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์
  6. รพ.บ่อไร่ จ.ตราด
  7. รพ.คลองใหญ่ จ.ตราด
  8. รพ.จิตเวชสระแก้วราชนครินทร์

ทั้งนี้ มีการตั้งโรงพยาบาลสนาม 1 แห่ง รองรับได้ 100 เตียง ที่ จ.สระแก้ว  ส่วน รพ.สต. ในพื้นที่เสี่ยงขณะนี้ได้ปิดบริการบางส่วน 7 แห่ง และปิดชั่วคราว 198 แห่ง  

 

“ อยากเรียนให้สบายใจว่า ทางกระทรวงสาธารณสุข ระบบเตียงสำรอง หรือเตียงสามัญ พอเพียง ในขณะนี้  ICU ไม่ต่ำกว่า 100 เตียง และเตียงสามัญ 4,000 เตียง” นพ.เอกชัยกล่าว

 

สธ. ยังได้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยใน  634 ราย ไปยังโรงพยาบาลในพื้นที่ปลอดภัย และมีประชาชนอพยพไปอยู่ในศูนย์พักพิงใน 5 จังหวัด  258,617 ราย ได้รับการดูแลจากทางทีมบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ และอสม.ร่วมดูแลอยู่

 

ทั้งนี้ สำหรับประชาชนที่อพยพมีกลุ่มเปราะบางราว 20% หรือ 46,252 ราย เป็นผู้สูงอายุ ติดเตียง เรื้อรัง เด็ก และผู้ป่วยมีปัญหาจิตเวช

 

ในขณะเดียวกันมีทีมแพทย์ 317 คน มีการระวังในหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแพทย์ฉุกเฉิน ทีมการแพทย์ฉุกเฉินระดับสูง การระบาดของโรค ทีมช่วยเหลือทางด้านจิตใจ ซึ่งปัจจุบันได้มีการคัดกรองสุขภาพจิตประชาชนไปแล้ว 27,413 ราย และพบเครียดสูงและเสี่ยงทำร้ายตัวเองรวม 388 ราย ฯลฯ

 

ทั้งนี้ นพ.เอกชัยกล่าวว่า อีกเรื่องที่อยากประชาสัมพันธ์ คือ เรื่องเลือด เนื่องจากแม้จะมีระบบคลังเลือดที่พอเพียงในการดูแล แต่อยากจะเชิญชวนพี่น้องประชาชนที่ร่างกายแข็งแรง สามารถบริจาคโลหิตเพื่อการสำรองเลือดล่วงหน้า ในกรณีที่มีการยกระดับหรือฉุกเฉินเพิ่มเติม

 

ท้ายสุด นพ.เอกชัยเน้นย้ำถึงความพร้อมของกระทรวงสาธารณสุขในพื้นที่ปฏิบัติการ โดยก่อนหน้านี้ได้มีการซ้อมแผนฉุกเฉิน ในการดูแลพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะ รพ.สีแดงและสีชมพู คือระดับ 20-50 กม. ก็จะมีการบริหารจัดการภายในของกระทรวงสาธารณสุข  เมื่อมีการเคลื่อนย้ายหรืออพยพ จะมีการดูแลความปลอดภัยจากทางกองทัพด้วย.

ข่าวล่าสุด

มศว ขับเคลื่อน“โรงเรียน–Social Lab”เชื่อมมหาวิทยาลัยกับชุมชนแม่แจ่ม