


8+









เตือนภัย! "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" ใช้จิตวิทยา "ควบคุมตัวออนไลน์" เรียกค่าไถ่
เตือนภัย! "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" อ้าง เป็นเจ้าหน้าที่ DSI ใช้จิตวิทยา ขู่ พยาบาลจบใหม่ "ควบคุมตัวออนไลน์" เรียกค่าไถ่จากผู้ปกครอง 800,000 บาท
ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) เผยเคสอุทาหรณ์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้จิตวิทยาสูงสุด หลอกข่มขู่ "พยาบาลจบใหม่" วัย 23 ปี อ้างมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางออนไลน์ หลอกให้ "ไปอยู่ลำพัง" ในโรงแรม พร้อมวิดีโอคอลควบคุมทุกการเคลื่อนไหว ก่อนสั่งให้หลอกผู้ปกครองว่าถูกเรียกค่าไถ่ เพื่อโอนเงินให้ตรวจสอบ สูญเงินกว่า 800,000 บาท เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือไว้ได้ทัน
กลโกงหลอกสองชั้น : ข่มขู่เหยื่อก่อนใช้เป็นเครื่องมือเรียกค่าไถ่
จากข้อมูลการช่วยเหลือเหยื่อของศูนย์ ACSC เคสที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งคือ กรณีที่เด็กและเยาวชน รวมถึงผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน ตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยคนร้ายจะใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า "การควบคุมตัวออนไลน์" (Online Control & Virtual Kidnapping) เพื่อให้เหยื่อถูกตัดขาดจากโลกภายนอก
พฤติการณ์ในเคส พยาบาลจบใหม่ มีดังนี้
- ข่มขู่ด้วยหมายจับปลอม : คนร้ายโทรศัพท์มา แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และข่มขู่เหยื่อว่าได้เปิดซิมการ์ดและบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการรับโอนเงินผิดกฎหมาย พร้อมส่ง บัตรข้าราชการปลอม และ หมายจับปลอม ที่ระบุความผิดของเหยื่อผ่านแอปพลิเคชันไลน์
- ล่อลวงเข้าสู่การควบคุมออนไลน์ : หลอกให้เหยื่อ แอดไลน์ปลอม และเข้ากลุ่มไลน์ โดยอ้างว่าจะให้ความช่วยเหลือ จากนั้นสั่งการให้เหยื่อ ออกจากบ้าน ไปเปิดห้องพัก/โรงแรมอยู่เพียงลำพัง โดยเด็ดขาด ห้ามบอกใคร
- ใช้จิตวิทยาสั่งการ: คนร้ายใช้วิธี วิดีโอคอลควบคุมเหยื่อตลอดเวลา สั่งให้รายงานตัวทุกชั่วโมง ควบคุมทุกการเคลื่อนไหว และใช้คำพูดเชิงจิตวิทยา เช่น การเรียกเป็นลูกหลาน เพื่อให้เหยื่อตายใจและปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด
- ชั้นที่ 1 (หลอกเหยื่อโดยตรง) : สั่งให้เหยื่อโอนเงินให้ตรวจสอบ โดยอ้างว่าเป็นกระบวนการ "แสดงความบริสุทธิ์ใจ" ทำให้มีการโอนเงินหลายรอบ หลายบัญชี
- ชั้นที่ 2 (หลอกผู้ปกครอง) : ในขณะเดียวกัน สั่งให้เหยื่อ หลอกผู้ปกครองและญาติว่าถูกเรียกค่าไถ่ เพื่อให้โอนเงินมาให้เพิ่มเติม ซึ่งในเคสนี้สร้างความเสียหายกว่า 800,000 บาท
แม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถประสานงานกับผู้เป็นพ่อ เพื่อส่งข้อความเตือนเหยื่อว่ากำลังถูกหลอกลวง แต่เหยื่ออยู่ในภาวะหวาดกลัวและถูกควบคุมทางจิตวิทยาอย่างหนัก จึงไม่เชื่อคำเตือน จนกระทั่งเจ้าหน้าที่เข้าถึงตัวและช่วยเหลือไว้ได้ในพื้นที่ สน.มีนบุรี
คำเตือนและข้อสังเกตจาก ACSC
กรณีนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่ามิจฉาชีพมุ่งเป้าไปที่ความกลัวและความบริสุทธิ์ใจของเหยื่อที่ยังอ่อนประสบการณ์ในการใช้ชีวิต โดยเฉพาะในกลุ่มนักศึกษาและผู้จบใหม่ที่อาจไม่คุ้นเคยกับการทำงานของหน่วยงานรัฐ
- เจ้าหน้าที่รัฐไม่มีนโยบาย "ควบคุมตัวออนไลน์": หน่วยงานรัฐ (ตำรวจ, DSI, ป.ป.ง.) จะไม่โทรศัพท์มาข่มขู่ ว่าท่านมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี และจะไม่สั่งให้ท่านไปเปิดห้องอยู่ลำพังเพื่อควบคุมทางออนไลน์
- ห้ามโอนเงินเพื่อ "แสดงความบริสุทธิ์ใจ" : เจ้าหน้าที่รัฐ ไม่มีการขอให้โอนเงิน เพื่อตรวจสอบ หรือเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจในคดีใด ๆ ทั้งสิ้น
- อย่าเชื่อโปรไฟล์ปลอม: มิจฉาชีพสามารถปลอมโปรไฟล์ไลน์ ใช้ภาพบัตรข้าราชการปลอม หรือแม้แต่เอกสารราชการ/หมายจับปลอมได้ โปรดตั้งสติและ ตรวจสอบกับหน่วยงานต้นสังกัดโดยตรง ผ่านเบอร์โทรศัพท์ที่เป็นทางการเท่านั้น
-หากได้รับสายต้องสงสัย : เบอร์โทรศัพท์ที่ขึ้นต้นด้วย (+) หรือการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ ให้วางสายทันที และปรึกษาผู้ปกครอง อาจารย์ หรือคนใกล้ชิดก่อนตัดสินใจทำอะไรเพียงลำพัง
ประชาชนสามารถแจ้งความออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com หรือโทรศัพท์ปรึกษาสายด่วน 1441



8+











