สทนช. เคาะลดปล่อยน้ำเขื่อนภูมิพล บรรเทาน้ำท่วมภาคกลาง
สทนช. มีมติปรับลดการระบายน้ำเขื่อนภูมิพลทันที 16 พ.ย. จาก 55 เหลือ 45 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน หลังฝนภาคเหนือลดลง หวังเร่งระบายน้ำท่วมภาคกลาง
ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2568 สทนช. มีมติปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก เพื่อลดมวลน้ำที่จะไหลลงสู่พื้นที่ภาคกลาง และเร่งบรรเทาสถานการณ์น้ำท่วมที่ประชาชนได้รับผลกระทบโดยเร็วที่สุด โดยอาศัยจังหวะที่ปริมาณฝนในภาคเหนือลดลง
การปรับลดจะเกิดขึ้น 2 ขั้นตอน คือ
- วันที่ 16 พ.ย. 68 ปรับลดการระบายน้ำจากเดิม 55 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน เหลือ 50 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน
- วันที่ 17 พ.ย. 68 ปรับลดลงอีก เหลือ 45 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน
นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยหลังเป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (อาทิ กฟผ., กรมชลประทาน) ว่า แผนดังกล่าวเป็นผลมาจากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา ที่ระบุว่ามวลอากาศเย็นกำลังแรงจากจีนจะทำให้ภาคเหนือมีฝนลดลง ประกอบกับปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนภูมิพลมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ที่ประชุมจึงเห็นชอบให้ปรับลดการระบายน้ำ
สำหรับผลกระทบจากการปรับลดครั้งนี้ นายไพฑูรย์อธิบายว่า จะช่วยให้ระดับน้ำในแม่น้ำปิง ตั้งแต่อำเภอสามเงา (ตาก) จนถึงอำเภอบรรพตพิสัย (นครสวรรค์) ลดลง 0.1 - 0.15 เมตร ซึ่งจะช่วยลดปริมาณน้ำที่ไหลเข้าสู่เขื่อนเจ้าพระยาโดยตรง
"การปรับลดน้ำจากเขื่อนภูมิพล จะช่วยให้เขื่อนเจ้าพระยาสามารถทยอยลดการระบายน้ำได้ตามลำดับ ประกอบกับกรมชลประทานได้ผันน้ำเข้าระบบชลประทานฝั่งตะวันตกและตะวันออกอย่างเต็มประสิทธิภาพ คาดว่าจะสามารถลดการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาให้เหลือประมาณ 2,400 - 2,700 ลบ.ม. ต่อวินาที ได้ในช่วงวันที่ 20 - 24 พฤศจิกายน นี้"
รองเลขาธิการ สทนช. กล่าวว่า เป้าหมายคือการลดระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา (ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา) ลงอีก 0.4 - 0.75 เมตร เพื่อเร่งช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเป็นเวลานาน ขณะเดียวกัน ที่ประชุมได้เน้นย้ำให้ กฟผ. ติดตามดูแลประชาชนในพื้นที่ "เหนือเขื่อนภูมิพล" ที่ยังได้รับผลกระทบอย่างใกล้ชิด และประชาสัมพันธ์สถานการณ์ให้ทราบอย่างต่อเนื่อง


