posttoday

โพลชี้คนไทยหนุนซีเกมส์ หวังดันเศรษฐกิจ–ท่องเที่ยวคึกคัก

16 พฤศจิกายน 2568

สวนดุสิตโพลเผยคนไทยรับรู้การเป็นเจ้าภาพซีเกมส์สูงกว่า 80% คาดหวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและท่องเที่ยว ขณะที่กระแสหมอนทองฟีเวอร์หนุนความสนใจการแข่งขันเพิ่มขึ้น

วันที่ 16 พฤศจิกายน 2568 "สวนดุสิตโพล" มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ 1,281 คน (สำรวจออนไลน์และภาคสนาม 11-14 พ.ย. 68) ในหัวข้อ "คนไทยกับซีเกมส์ครั้งที่ 33" พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 82.67 รับทราบว่าประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ

 

เมื่อถามถึงความคาดหวัง สิ่งที่ประชาชนต้องการเห็นมากที่สุดคือ การใช้มหกรรมกีฬานี้เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ (ร้อยละ 68.85) อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ประชาชนอยากฝากบอกรัฐบาลมากที่สุด คือการให้ความสำคัญกับ "ความปลอดภัยและความเรียบร้อยภายในงาน" (ร้อยละ 66.98) ซึ่งสะท้อนความคาดหวังที่มาพร้อมกับความกังวล

 

ประเด็นน่าสนใจคือ กระแส "หมอนทองฟีเวอร์" ในกีฬาฟุตบอล มีส่วนช่วยดึงความสนใจของประชาชนต่อซีเกมส์มากขึ้น (ร้อยละ 35.83) และยังส่งผลบวกต่อกีฬาอื่น ๆ ด้วย (ร้อยละ 31.15) ส่วนกีฬาที่คนไทยมั่นใจว่าจะคว้าเหรียญทองมากที่สุด คือ กรีฑา (ร้อยละ 22.25) รองลงมาคือ มวยไทย (ร้อยละ 12.18)

 

ดร.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล สรุปว่า ผลโพลสะท้อนว่าประชาชนคาดหวังให้ไทยใช้เวทีนี้เป็นโอกาสขับเคลื่อนเศรษฐกิจและยกระดับภาพลักษณ์ประเทศ พร้อมจัดงานให้ได้มาตรฐาน ขณะที่กระแส "หมอนทองฟีเวอร์" ถือเป็นจังหวะสำคัญที่ช่วยขยายความสนใจของสังคม รัฐบาลจึงควรใช้โอกาสนี้สร้างความเชื่อมั่นและแสดงศักยภาพบนเวทีกีฬาอาเซียน

 

ผศ.ดร.รุ่งนภา เลิศพัชรพงศ์ ประธานหลักสูตรการจัดการงานบริการ (นานาชาติ) มหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิเคราะห์ผลสำรวจในเชิงลึกว่า นี่คือภาพสะท้อนว่าประชาชนมองซีเกมส์ในฐานะ "เครื่องมือทางเศรษฐกิจ" มากกว่ามหกรรมกีฬา โดยมีปัจจัยสำคัญ 3 ประการ คือ

 

1.ทุนทางสังคม (Social Capital) การที่ประชาชนรับรู้สูง (82.67%) ถือเป็นรากฐานสำคัญของบรรยากาศการต้อนรับ (Hospitality) ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก

 

2.ปัจจัยสุขอนามัย (Hygiene Factor) การที่ประชาชนให้ความสำคัญกับ "ความปลอดภัย" (66.98%) มากที่สุด ไม่ใช่แค่ความต้องการ แต่เป็น "เงื่อนไขชี้ขาด" ความสำเร็จทางเศรษฐกิจ หากจัดการไม่ดีพอ ความคาดหวังด้านเศรษฐกิจอาจไม่บรรลุผล

 

3.เศรษฐศาสตร์เชิงเรื่องเล่า (Storytelling Economics) กระแส "หมอนทองฟีเวอร์" และ "มวยไทย" คือตัวอย่างการใช้ Soft Power ที่สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวก และต่อยอดสู่การท่องเที่ยวเชิงกีฬาที่ยั่งยืนได้

 

ผศ.ดร.รุ่งนภา สรุปทิ้งท้ายว่า ความท้าทายของภาครัฐคือการบริหารจัดการความปลอดภัย (ตัวแปรควบคุมความเสี่ยง) และการสร้างมูลค่าจากกระแส Soft Power เพื่อแปลงความคาดหวังของประชาชนให้เป็น "มรดก" (Legacy) ทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ไม่ใช่เพียงรายรับชั่วคราว

ข่าวล่าสุด

“โคเวอร์แมท” เติบโตจาก “ศูนย์” สู่ New S Curve โตอีก 10X