posttoday

"คนละครึ่ง" โครงการสุดป๊อป! ประชาชนเชื่อมั่น ช่วยลดภาระค่าครองชีพ 78%

26 ตุลาคม 2568

สวนดุสิตโพลเผยผลสำรวจชี้ โครงการ "คนละครึ่ง" ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ครองใจประชาชนสูงสุด 69.31% ส่วนใหญ่เห็นพ้องช่วยลดภาระค่าครองชีพได้จริง

สวนดุสิตโพลมหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “คนไทยกับนโยบายลดค่าครองชีพ” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,216 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 21-24 ตุลาคม 2568 สรุปผลได้ดังนี้ 

 

จากผลสำรวจพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 76.43 เข้าร่วมโครงการ "คนละครึ่ง" ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ รองลงมาร้อยละ 42.16 เข้าร่วม "คนละครึ่งพลัส" ของรัฐบาลอนุทิน  

 

ในด้านประสิทธิผลของโครงการร้อยละ 78.04 เห็นว่าโครงการเหล่านี้ช่วยแก้ปัญหาปากท้องและลดภาระค่าครองชีพได้ ขณะที่ร้อยละ 21.96 เห็นว่าไม่ช่วยได้จริง

 

เมื่อถามถึงโครงการที่ชอบมากที่สุด พบว่า "คนละครึ่ง" ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้รับความนิยมสูงสุด ร้อยละ 69.31 รองลงมาคือ โครงการแจกเงิน 10,0000 บาท ของรัฐบาลเพื่อไทย ร้อย33.03 

 

ผลส่วนนี้สะท้อนว่าประชาชนมีความคุ้นเคยและเชื่อมั่นต่อโครงการที่เคยดำเนินการมาแล้ว โดยเฉพาะ "คนละครึ่ง" ที่มีรูปแบบเข้าใจง่ายและสามารถใช้จ่ายได้จริงในชีวิตประจำวัน และมองเห็นผลลัพธ์ชัดเจนตอบโจทย์ความต้องการด้านค่าครองชีพได้ต่อเนื่องอ

 

ยากให้รัฐคุมราคาสินค้าแก้ปัญหาระยะยาว 

 

กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 61.92 ต้องการให้รัฐบาลควบคุมราคาสินค้าให้เหมาะสมเป็นแนวทางช่วยลดภาระค่าครองชีพในระยะยาว รองลงมาร้อยละ 56.79 ต้องการให้เพิ่มมาตรการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่ม เช่น ผู้สูงอายุหรือผู้มีรายได้น้อย

ขณะเดียวกัน ผลสำรวจในข้อถัดไปพบว่าร้อยละ 67.43 เห็นว่าพรรคการเมืองที่มีนโยบายประชานิยมจะได้เปรียบในการเลือกตั้ง ขณะที่ร้อยละ 23.52 เห็นว่าไม่ได้เปรียบ  

 

ผลสำรวจบ่งบอกว่าแม้โครงการช่วยเหลือระยะสั้นจะมีผลดีในช่วงหนึ่ง แต่การดำเนินนโยบายระยะยาวเพื่อสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจยังคงเป็นสิ่งจำเป็น และนโยบายของพรรคการเมืองที่ประชาชนมองว่าจับต้องได้และเกิดผลจริงยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความได้เปรียบในการเลือกตั้ง

 

ผลสำรวจบ่งบอกว่า แม้โครงการช่วยเหลือระยะสั้นจะมีผลดีในช่วงหนึ่ง แต่การดำเนินนโยบายระยะยาวเพื่อสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจยังคงเป็นสิ่งจำเป็น และนโยบายของพรรคการเมืองที่ประชาชนมองว่าจับต้องได้และเกิดผลจริงยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความได้เปรียบในการเลือกตั้ง

 

ผศ.ดร.เขมภัทท์ เย็นเปี่ยม อาจารย์ประจำหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ระบุว่าผลสำรวจสะท้อนให้เห็นว่าการแก้ปัญหาปากท้องในยุคที่เศรษฐกิจตกต่ำค่าครองชีพสูงมากขึ้น เป็นนโยบายที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหามากที่สุด โดยเฉพาะการที่รัฐบาลมีโครงการช่วยเหลือประชาชนให้มีกำลังซื้อในการจับจ่ายใช้สอยเพื่อการบริโภคสินค้าและการบริการ ช่วยเหลือผู้ประกอบขนาดเล็กและร้านค้ารายย่อยให้มีรายได้พยุงกิจการให้ดำเนินต่อไปได้ เป็นการกระตุ้นให้เศรษฐกิจกลับมามีความคึกคัก

ทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้คล่องตัวมากขึ้น โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่งที่ได้มีการริเริ่มในสมัยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยและการบริโภคของประชาชนได้อย่างเห็นผลและโครงการคนละครึ่งพลัสของรัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล ที่กำลังดำเนินโครงการอยู่ในปัจจุบัน เป็นสิ่งที่ประชาชนรอคอยและคาดหวังว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชบเชาให้กลับมาคึกคักได้อีกครั้ง

 

อย่างไรก็ตามการแก้ปัญหาด้วยการควบคุมราคาสินค้าให้มีความเหมาะสม โดยเข้าไปตรวจสอบและควบคุมต้นทุนการผลิตอย่างเช่นราคาพลังงาน น่าจะเป็นการลดปัญหาค่าครองชีพและทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อเพื่อการบริโภคได้อย่างต่อเนื่องมากกว่าการใช้นโยบายประชานิยมที่ทุ่มงบประมาณในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะสั้น ๆได้เป็นครั้งคราว

 

ขณะที่ ดร.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ระบุว่า จากนโยบายช่วยเหลือต่าง ๆ ของหลายรัฐบาล พบว่า โครงการคนละครึ่ง ยังคงครองใจ เพราะใช้ง่าย เข้าถึงจริง และเห็นผลชัดในชีวิตประจำวัน แม้จะเป็นมาตรการระยะสั้น แต่ช่วยสร้างความรู้สึกว่ารัฐอยู่เคียงข้างประชาชน

 

ขณะเดียวกัน การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเพื่อสร้าง เสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาวก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นโดยเฉพาะในยุคที่ประชาชนคาดหวังทั้งความเร็วในการช่วยเหลือและความยั่งยืนของผลลัพธ์ไปพร้อมกัน

ข่าวล่าสุด

เปิดโปรแกรมวอลเลย์บอลหญิง ซีเกมส์ 2025 รอบรองฯ ไทยดวลอินโดฯ