posttoday

"ตร.ไซเบอร์" ทลายธุรกิจรับแลก "Worldcoin" หลังคนแห่สแกนม่านตา

24 ตุลาคม 2568

"ตร.ไซเบอร์" ปฏิบัติการตรวจ 109 จุด ทั่วประเทศ ทลายธุรกิจเถื่อนรับแลกเหรียญ "Worldcoin" หลังคนแห่สแกนม่านตา

24 ต.ค.2568 ตำรวจไซเบอร์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตร.ไซเบอร์ปฏิบัติการ 109 จุด ทั่วประเทศ ทลายธุรกิจเถื่อนรับแลกเหรียญ Worldcoin หลังคนแห่สแกนม่านตา

 

สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ยกระดับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทุกรูปแบบ รวมถึงการกระทำผิดเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลผิดกฎหมาย ซึ่งจากกรณีที่ปรากฏข่าวในสื่อมวลชนว่ามีกลุ่มบุคคลเชิญชวนประชาชนทั่วไปให้เก็บสแกนข้อมูลชีวภาพ (ม่านตา) เพื่อแลกกับการได้รับแจกสินทรัพย์ดิจิทัล ทำให้มีประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว 

"ตร.ไซเบอร์" ทลายธุรกิจเถื่อนรับแลก "Worldcoin" หลังคนแห่สแกนม่านตา

ต่อมา มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้อภิปรายแสดงข้อห่วงใยว่า อาจมีผู้ไม่ประสงค์ดีนำข้อมูลชีวภาพ (ม่านตา) ดังกล่าวไปใช้ในการกระทำความผิด ซึ่งทางกรมการปกครองเอง ก็ได้ออกมาแจ้งเตือนเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า

 

"การดำเนินการจัดเก็บข้อมูลม่านตาดังกล่าวนั้น ไม่ใช่การดำเนินการจัดเก็บข้อมูลของสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง หรือส่วนราชการอื่นๆ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาสัมพันธ์ข้อมูลในท้องที่ สอดส่องการจัดกิจกรรมดังกล่าว อย่าให้เกิดการหลอกลวงประชาชนเนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างที่ บช.สอท. วิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ” จนนำมาสู่ปฏิบัติการตรวจค้นจับกุมในครั้งนี้

"ตร.ไซเบอร์" ทลายธุรกิจเถื่อนรับแลก "Worldcoin" หลังคนแห่สแกนม่านตา

โดยเจ้าหน้าที่สายตรวจไซเบอร์ กก.3 บก.สอท.5 ได้ตรวจสอบพบว่า มีผู้ใช้บัญชี Facebook รายหนึ่งโพสต์ข้อความว่า “รับแลกเหรียญเป็นเงินสด เชิญครับ สแกนหน้ายืนยันตัวตนเชิญครับ” พร้อมกับแนบภาพถ่ายแสดงบรรยากาศบริเวณจุดที่รับสแกนม่านตา ซึ่งมีประชาชนจำนวนมากรอคิวภายใต้เต็นท์ที่จัดไว้บริเวณทางเดินด้านหน้า 

 

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปลอมตัวลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบ ณ จุดรับสแกนม่านตาแลกเงิน และได้พบกับบุคคลรายหนึ่งที่มีพฤติกรรมเป็นนายหน้ารับแลกเหรียญ Worldcoin เป็นเงินสด จึงได้ส่งสายลับไปเข้าร่วมสแกนม่านตาดังกล่าว และนัดหมายกับนายหน้าเพื่อขอแลกเงินสดในวันถัดไป เนื่องจากระบบจะโอนเหรียญเข้ากระเป๋าผู้ใช้งานภายใน 24 ชั่วโมง

 

วันต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงส่งสายลับกลับไปยังจุดเดิมเพื่อแลกเปลี่ยนเหรียญตามที่นัดหมาย จากการตรวจสอบพบว่าเหรียญ Worldcoin จำนวน 30 WLD ได้เข้ากระเป๋าดิจิทัลในแอปพลิเคชันแล้ว นายหน้าคนดังกล่าวจึงกดโอนเหรียญไปยังกระเป๋าดิจิทัลของตนเองให้ พร้อมกับโอนเงินสดให้สายลับ จำนวน 900 บาท โดยคิดเป็นอัตราแลกเปลี่ยน 30 บาท ต่อ 1 WLD

 

ซึ่งการที่คนทั่วไปมารับแลกเหรียญเป็นเงินสดดังกล่าว โดยมิได้รับอนุญาตจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ถือว่าเข้าข่ายเป็นการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลโดยมิได้รับอนุญาต ตาม พรก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561

"ตร.ไซเบอร์" ทลายธุรกิจเถื่อนรับแลก "Worldcoin" หลังคนแห่สแกนม่านตา

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนจนทราบตัวนายหน้าคนดังกล่าว จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน กระทั่งสามารถนำกำลังเข้าจับกุม นายกิตติ อายุ 45 ปี ในข้อหา “ประกอบธุรกิจซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาต” เบื้องต้นเจ้าตัวปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

 

 จากการจับกุมดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนขยายผลจนนำมาสู่การรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับผู้กระทำผิดลักษณะดังกล่าวเพิ่มเติม รวมทั้งออกหมายค้นพื้นที่เป้าหมายได้สำเร็จ

 

กระทั่งวันศุกร์ที่24 ต.ค.68 เวลาประมาณ 06.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระดมกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย จำนวน 109 จุดทั่วประเทศโดยมีผลการปฏิบัติ ดังนี้ จับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติม จำนวน 1 ราย คือ นายสุทธิ อายุ 35 ปี จับกุมตัวได้บริเวณหลังปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง สาขานวมินทร์ แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. 

 

โดยดำเนินคดีในข้อหา“ประกอบธุรกิจซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาต” จากพฤติการณ์รับซื้อเหรียญจากผู้ที่ผ่านการสแกนม่านตา เช่นเดียวกับผู้ต้องหารายแรก

"ตร.ไซเบอร์" ทลายธุรกิจรับแลก "Worldcoin" หลังคนแห่สแกนม่านตา

 จากการสอบถามนายสุทธิ รับว่า ตนเองรับแลกเหรียญ WLD จำนวน 35 เหรียญ ในราคา 1,000 บาท เมื่อหัก 7% แล้ว จึงโอนเงินที่คงเหลือโอนให้ลูกค้า ประมาณ 930 บาท โดยผู้ต้องหาอ้างว่า ไม่ทราบมาก่อนว่าการกระทำดังกล่าวนั้น มีความผิดตามกฎหมาย

 

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบตัวแอปพลิเคชันดังกล่าวรวมถึงบริษัทที่รับสแกนม่านตา เบื้องต้นยังไม่พบว่ามีการกระทำผิดเข้าข้อกฎหมายใด แต่การรับแลกเหรียณสกุลดิจิทัลเป็นเงินสดโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. ถือว่าเป็นความผิดตาม พรก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561 ในการประกอบธุรกิจซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาต 

 

อีกทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังมีความกังวลเกี่ยวกับการเก็บข้อมูลอัตลักษ์ดังกล่าว ว่าอาจมีการรั่วไหล หรืออาจถูกนำข้อมูลไปส่งต่อหรือขายต่อในภายหลัง จนเป็นการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลหรือไม่ซึ่งตำรวจไซเบอร์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเฝ้าระวังและตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง หากพบว่ามีการละเมิดข้อกฎหมาย ก็จะเร่งดำเนินคดีตามกระบวนการต่อไป 

 

ข่าวล่าสุด

Wingstop ไก่ทอดจากอเมริกา แลนดิ้งไทยแลนด์ ‘เนม ปราการ’ ขึ้นแท่นผู้บริหาร