posttoday

แม่ทัพภาค 1 น้อมรับพระกระแสฯ เร่งสร้างรั้วชายแดนไทย–กัมพูชา

16 ตุลาคม 2568

“กรมพระศรีสวางควัฒนฯ” ทรงห่วงใยความปลอดภัยชายแดนไทย–กัมพูชา มีพระกระแสรับสั่งให้กองทัพเร่งสร้างบังเกอร์–หลุมหลบภัย แม่ทัพภาค 1 นำทัพสำรวจพื้นที่สระแก้วทันที

KEY

POINTS

  • แม่ทัพภาคที่ 1 น้อมรับพระกระแสรับสั่งของสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ ที่ทรงห่วงใยความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา
  • กองทัพภาคที่ 1 เร่งดำเนินการก่อสร้างหลุมบุคคลและหลุมหลบภัยสำหรับประชาชนในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว เพื่อใช้เป็นที่กำบังและป้องกันภัยตามพระดำริ
  • ในระยะแรกจะดำเนินการสร้างและปรับปรุงบังเกอร์ 72 แห่ง และหลุมหลบภัยสำหรับประชาชน 6 แห่ง เพื่อให้พร้อมรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน

กองทัพภาคที่ 1 น้อมรับสนองพระกระแสรับสั่งของ "ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี" ที่ทรงมีพระเมตตาและห่วงใยความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา

โดยเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568 พระองค์ได้พระราชทานพระวโรกาสให้ผู้บัญชาการทหารบกและคณะเข้าเฝ้าถวายรายงานความคืบหน้าโครงการสนับสนุน “กองทุนหทัยทิพย์” กองทัพบก ภายใต้มูลนิธิจุฬาภรณ์ ซึ่งเป็นกองทุนที่เปิดรับการร่วมบริจาคจากภาครัฐ เอกชน และประชาชนทั่วไป เพื่อสนับสนุนด้านความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศ

พระองค์ทรงมีพระกระแสรับสั่งให้กองทัพบกเร่งดำเนินการสร้าง“หลุมบุคคล”และ“หลุมหลบภัยประชาชน”*เพื่อใช้เป็นที่มั่นกำบังและป้องกันภัยในพื้นที่ชายแดนโดยเฉพาะบริเวณบ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว ที่เป็นพื้นที่แนวหน้าในการปฏิบัติภารกิจป้องกันประเทศ

ต่อมาวันนี้ (16 ตุลาคม 2568) พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1 / ผบ.ศปก.ทภ.1 ได้ลงพื้นที่จังหวัดสระแก้ว พร้อมด้วย"กองกำลังบูรพา"ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อสำรวจพื้นที่ที่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับการก่อสร้างบังเกอร์และหลุมหลบภัยตามพระดำริ

แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า การดำเนินงานครั้งนี้เป็นไปเพื่อสนองพระกระแสรับสั่งของพระองค์ท่าน และแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงห่วงใยความปลอดภัยของทหารและประชาชนในพื้นที่ชายแดน โดยกองทัพภาคที่ 1 ได้เร่งวางแผนร่วมกับทุกภาคส่วนให้โครงการก่อสร้างดำเนินไปอย่างรวดเร็วและปลอดภัยที่สุด

ในระยะแรก กองกำลังบูรพาได้รับมอบหมายให้ดำเนินการสร้างและปรับปรุงที่มั่นกำบัง (บังเกอร์) ภายในฐานปฏิบัติการของหน่วยทหาร จำนวน72 แห่งและหลุมหลบภัยสำหรับประชาชนขนาดบรรจุได้ 40 คน จำนวน 6 แห่ง โดยเร่งสร้างในรอบแรก 10 แห่ง และหลุมหลบภัย 2 แห่ง เพื่อให้พร้อมรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินได้ทันที

จากพระเมตตาของพระองค์ในครั้งนี้ นำมาซึ่งความปลื้มปีติและซาบซึ้งใจของกำลังพลและประชาชนในพื้นที่ ที่ต่างสำนึกในพระกรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

กองทัพภาคที่ 1 ในฐานะกองทัพของทหารรักษาพระองค์ ยืนยันจะเดินหน้าปฏิบัติตามพระราชปณิธานของ"สมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ"ในการ “ป้องกันและแก้ไขปัญหาวิกฤตความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชนและประเทศชาติ”

แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวทิ้งท้ายว่า “กองทัพจะทำหน้าที่ด้วยความจงรักภักดีและสำนึกในพระกรุณาธิคุณอย่างสุดหัวใจ เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชามีความมั่นคง ปลอดภัย และเชื่อมั่นในสถาบันหลักของชาติ”

 

ข่าวล่าสุด

ระบบยืนยันอายุผู้ใช้โซเชียล ป้องกันเยาวชนแอบใช้หลังสั่งห้าม