พิชัย เตรียมปรับข้อเสนอเจรจาภาษีสหรัฐฯ หลังทักษิณร่วมวง
รัฐบาลประชุมร่วมทีมเศรษฐกิจรับมือภาษีสหรัฐฯ 36% ที่อาจกระทบสินค้าไทย ดึง “ทักษิณ” ร่วมให้คำปรึกษา ย้ำยังมีเวลาถึง 1 ส.ค. ก่อนสรุปแนวทางและเดินหน้าเจรจาอีกครั้ง
วันที่ 11 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.55 น. ที่บ้านพิษณุโลก มีการประชุมร่วมระหว่างทีมไทยแลนด์ ทีมที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือแนวทางรับมือกรณีสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยในอัตรา 36% ซึ่งใช้เวลาหารือร่วมเกือบ 3 ชั่วโมง
หลังเสร็จสิ้นการประชุม นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม และนายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เดินออกมาส่งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่มาร่วมให้คำปรึกษาในครั้งนี้ ก่อนที่นายทักษิณจะเดินทางออกจากบ้านพิษณุโลกทันที
จากนั้น นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายจตุพร นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และนายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
นายพิชัยเปิดเผยว่า การหารือวันนี้ครอบคลุมถึงแผนรับมือและแนวทางเจรจากับสหรัฐฯ ซึ่งยังเปิดโอกาสให้ไทยส่งข้อเสนอเพิ่มเติมได้ถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2568 โดยระบุว่า การแจ้งภาษีจากฝั่งสหรัฐฯ ถือเป็นเพียง “การแจ้งล่วงหน้า” ยังไม่มีข้อยุติใด ๆ และยังมีเวลาในการดำเนินการเจรจา
เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ได้มีการเรียกประชุมร่วมกับภาคเอกชน ทั้งจากสภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้าไทย และบริษัทขนาดใหญ่ เพื่อรวบรวมข้อเสนอแนะแนวทางรับมือใน 3 ด้านหลัก ได้แก่
1.การดูแลไม่ให้เกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อยได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐ
2.การควบคุมการนำเข้าสินค้าให้ทั่วถึง และใช้โอกาสนี้ในการยกระดับมาตรฐานการค้าทั้งขาเข้าและขาออก
3.การจัดมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการเรียกเก็บภาษี
สำหรับกรณีที่นายทักษิณร่วมประชุมด้วย นายพิชัยระบุว่าเป็นผู้เชิญด้วยตนเอง เนื่องจากเห็นว่านายทักษิณมีประสบการณ์และความรู้ในประเด็นดังกล่าว ซึ่งน่าจะให้ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์
นายพิชัยย้ำว่า รัฐบาลจะดำเนินการอย่างรอบคอบและโปร่งใส เชื่อว่าไทยจะสามารถชี้แจงจุดยืนและลดผลกระทบได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเตรียมสรุปข้อเสนอทั้งหมดในวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 ก่อนพิจารณาว่าจะต้องปรับแก้หรือเพิ่มเติมในส่วนใดบ้าง รวมถึงเตรียมความพร้อมสำหรับการพูดคุยผ่านระบบออนไลน์กับตัวแทนสหรัฐฯ หรือเดินทางไปเจรจาด้วยตนเองหากจำเป็น
ทั้งนี้ สหรัฐฯ แสดงความต้องการเปิดเจรจาภาษีในหลากหลายหมวดสินค้า โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเกษตร แม้มูลค่าจะไม่สูง แต่เป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับประชาชนในวงกว้าง จึงอาจได้รับความสนใจเป็นพิเศษในการหารือครั้งถัดไป


