WHO เตือน! โควิดระบาดซ้ำ ไทยพบผู้ป่วยพุ่งเกิน 4 หมื่นราย
WHO แจ้งเตือนการระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ทั่วโลก เหตุสายพันธุ์ NB.1.8.1 แพร่เร็ว ไทยพบผู้ป่วยใหม่กว่า 41,000 คน เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย
เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่กลับมาน่ากังวลอีกครั้ง
หลังองค์การอนามัยโลก (WHO) ออกประกาศเตือนภัยเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อ SARS-CoV-2 ที่เริ่มกลับมาระบาดในหลายพื้นที่ทั่วโลก
โดยเฉพาะในภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก ซึ่งพบการเพิ่มขึ้นของอัตราการติดเชื้ออย่างมีนัยสำคัญ
รายงานล่าสุดของ WHO ณ วันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ระบุว่า ตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ การตรวจพบเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
โดยอัตราการตรวจพบเชื้อ (test positivity rate) เพิ่มขึ้นสูงถึง 11% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2567 โดยเฉพาะใน 73 ประเทศที่รายงานข้อมูลอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ภูมิภาคแอฟริกา ยุโรป และอเมริกา ยังคงมีอัตราการติดเชื้อในระดับต่ำ เฉลี่ยอยู่ที่ 2-3% อย่างไรก็ตาม พบแนวโน้มเพิ่มขึ้นในบางพื้นที่ เช่น แถบแคริบเบียนและแอนเดียนในอเมริกาใต้
ทั้งนี้ สาเหตุหลักที่ทำให้การแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น มาจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ชื่อว่า NB.1.8.1 ซึ่งขณะนี้กำลังกลายเป็นสายพันธุ์หลักในหลายพื้นที่
สายพันธุ์นี้ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มสายพันธุ์ภายใต้การเฝ้าระวัง (Variant Under Monitoring - VUM) โดยมีคุณสมบัติในการแพร่กระจายได้รวดเร็วกว่าเดิม
จากข้อมูลลำดับพันธุกรรมของเชื้อที่ได้รับการจัดเก็บทั่วโลก ณ กลางเดือนพฤษภาคม 2568 สายพันธุ์ NB.1.8.1 คิดเป็นสัดส่วนถึง 10.7% ของตัวอย่างทั้งหมด เพิ่มขึ้นจาก 2.5% ภายในเวลาเพียงสี่สัปดาห์
สายพันธุ์นี้ถือเป็นสายพันธุ์ย่อยของ XDV.1.5.1 ซึ่งสืบเชื้อสายมาจาก JN.1 และมีการพบตัวอย่างครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2568
การแพร่กระจายของ NB.1.8.1 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก ที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 8.9% เป็น 11.7% ภูมิภาคอเมริกา จาก 1.6% เป็น 4.9% และยุโรป จาก 1.0% เป็น 6.0%
ขณะที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีรายงานพบเพียง 5 ตัวอย่าง และยังไม่มีรายงานการพบเชื้อในภูมิภาคแอฟริกาหรือเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก
สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทย ข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2568 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 41,283 ราย ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยสะสมในปีนี้อยู่ที่ 257,280 ราย
ขณะที่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 2 ราย รวมเป็นผู้เสียชีวิตสะสม 52 ราย โดยพื้นที่ที่พบการระบาดมากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร รองลงมาคือจังหวัดชลบุรี
ทั้งนี้ กลุ่มที่มีอัตราการติดเชื้อสูง ได้แก่ วัยทำงาน นักศึกษา เด็กเล็ก และผู้สูงอายุ
นายอนุกูล เน้นย้ำว่า แม้สถานการณ์การระบาดในประเทศไทยยังไม่รุนแรงเท่ากับบางภูมิภาค แต่ควรเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนซึ่งมักมาพร้อมโรคทางเดินหายใจ และการเดินทางระหว่างประเทศที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการนำเชื้อเข้ามาแพร่ในประเทศ
รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขจะติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมประเมินแนวโน้มของสายพันธุ์ NB.1.8.1 เพื่อออกมาตรการรับมืออย่างเหมาะสม เพื่อคุ้มครองสุขภาพของประชาชน
พร้อมกันนี้ ขอความร่วมมือจากประชาชนให้หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง หมั่นล้างมืออย่างถูกวิธี สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่แออัด เข้ารับวัคซีนกระตุ้นเมื่อครบกำหนด
และสังเกตอาการของตนเองอยู่เสมอ หากพบว่ามีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ หรือปัญหาทางเดินหายใจ ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว
ในช่วงเวลาที่ทั่วโลกยังคงเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของเชื้อโควิด-19 การตระหนักรู้และเตรียมพร้อมรับมืออย่างมีประสิทธิภาพ คือหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถควบคุมการระบาดไม่ให้ลุกลามจนกลายเป็นวิกฤต