บุหรี่ไฟฟ้า ศึกใหญ่รัฐบาลแพทองธาร - เกมสุขภาพเดิมพันอนาคตเยาวชน
ขณะที่หลายประเทศยังถกเถียงเรื่อง “เสรีหรือแบน” บุหรี่ไฟฟ้า รัฐบาลเลือก “ลงมือปราบ” นั่นคือจุดเริ่มปฏิบัติการที่อาจเปลี่ยนโฉมอนาคตของสังคมไทยทั้งระบบ
จากคำประกาศสู่การปฏิบัติ: แพทองธารลุยเอง
เนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก 2568 คงไม่ได้จบแค่คำขวัญเชิงสัญลักษณ์ แต่รัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร กลับเลือก “ลงสนาม” ขับเคลื่อนนโยบายปราบบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่แค่แถลงข่าว แต่ลงพื้นที่จริง
นายกฯแพทองธารนำทีมตรวจโกดังบางบัวทอง จับสินค้าลักลอบบุหรี่ไฟฟ้ามูลค่ากว่า 130 ล้านบาท พร้อมสั่งจับกุมผู้เกี่ยวข้องแบบ “ไม่มีข้อยกเว้น” จุดยืนชัดเจนว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก” หากแต่เป็น ภัยคุกคามเงียบที่ต้องหยุดทันที
1,078 คดีใน 2 สัปดาห์: เครื่องจักรรัฐเดินหน้าเต็มสูบ
ข้อมูลจากรัฐบาลเผยเพียง 14 วันแรกของการบังคับใช้นโยบาย พบคดีที่เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าถึง 1,078 คดี มีผู้ต้องหา 1,104 คน และยึดของกลางกว่า 900,000 ชิ้น รวมมูลค่ากว่า 118 ล้านบาท
ไม่ใช่แค่จับรายย่อย แต่ รัฐบาลตั้ง “ชุดโดเรมอน” – ชุดเฉพาะกิจที่ไล่ล่าผู้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าที่เจาะกลุ่มเด็กและเยาวชนโดยเฉพาะ โดยเน้นพื้นที่ “รอบโรงเรียน-สถานศึกษา” ที่มักเป็นจุดเสี่ยงที่สุด
เสียงจากเยาวชน: เราขอมากกว่าการปราบ
แม้ภาครัฐจะเดินหน้าเต็มที่ แต่ เครือข่ายเยาวชนเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ กลับเห็นจุดบอดของระบบ
“นโยบายเข้มแข็งดีแล้ว แต่ยังมีเจ้าหน้าที่บางคนใช้ช่องว่างนี้ ‘หาผลประโยชน์’ จากร้านค้าบุหรี่ไฟฟ้า”
– นายธนภัทร แสงหิรัญ ผู้ประสานงาน ขสย.
กลุ่มเยาวชนจึง ยื่น 4 ข้อเรียกร้องถึงรัฐบาล หนึ่งในนั้นคือการ เพิ่มโทษเจ้าหน้าที่รัฐที่เอี่ยว ไม่ว่าจะรับส่วย หรือปกป้องผู้ค้าบุหรี่ไฟฟ้า โดยเสนอให้ลงโทษ “หนักกว่าคนทั่วไป” เพื่อไม่ให้รัฐกลายเป็นเครื่องมือของธุรกิจใต้ดิน
ร้านลับ–ขายออนไลน์–ใกล้โรงเรียน: ศัตรูที่ยังไม่ตาย
แม้รัฐจะปิดร้านได้หลายแห่ง แต่ระบบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ยังทำงานได้ไม่สะดุด ด้วยการใช้ รหัสลับ–บัญชีปลอม–ส่งด่วน ทำให้ของยังเข้าถึงเด็กได้ง่าย ขณะเดียวกันก็มี ร้านค้าใกล้โรงเรียนที่ถูกปิดไปแล้วกลับมาเปิดใหม่อีก ด้วยการ “เปลี่ยนป้าย เปลี่ยนชื่อ”
นี่คือ ศึกยืดเยื้อที่ต้องอาศัยทั้งรัฐ–ชุมชน–ครู–ผู้ปกครอง พร้อมใจร่วมรบ เพราะแค่การจับ “รายวัน” อาจไม่เพียงพออีกต่อไป
เดิมพันคืออนาคตของเด็กไทย
หากนโยบายนี้สำเร็จ รัฐบาลตั้งเป้า ลดการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชนลง 80% ภายใน 3 เดือน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องใช้ทั้ง “กฎหมาย – การบังคับใช้ – และพลังสังคม”
“นี่ไม่ใช่แค่นโยบายปราบปราม แต่คือการ ‘ปิดประตู’ ไม่ให้เด็กไทยเดินเข้าสู่เส้นทางสุขภาพพังทลาย”
– เพชรลดา ศรัทธารัตนตรัย เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง
จากวันนี้ถึงอนาคต
แม้บุหรี่ไฟฟ้าจะดูทันสมัย และถูกทำให้ดู “เท่” แต่ภายใต้ควันสีพาสเทลนั้นแฝงด้วยอันตรายที่ยืดเยื้อในระยะยาว รัฐบาลภายใต้การนำของแพทองธารกำลังเดิมพันอนาคตของประเทศด้วยการปกป้องเยาวชนจากภัยนี้อย่างเต็มกำลัง
และในศึกนี้ ทุกคนคือ “แนวร่วม” ไม่ใช่เพียง “ผู้ชม”


