สังคมตั้งคำถาม ราคาน้ำมันโลกลด แต่ราคาน้ำมันไทยทำไมยังแพง?
แม้ว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่องหลังสหรัฐขึ้นภาษี ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ ต่ำสุดในรอบ 3 ปี แต่คนไทยกลับยังไม่ได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ลดลงมากนัก
การปรับอัตราภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลง ซึ่งอาจทำให้อุปสงค์น้ำมันลดลง ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจึงปรับลดลงตาม โดยน้ำมันดิบ WTI เคยร่วงไปแตะระดับ 58.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2021 ราคาน้ำมันร่วงลงประมาณ 15% นับตั้งแต่วันที่ทรัมป์ประกาศอัตราภาษีศุลกากรใหม่
ราคาน้ำมันดิบตลาดสิงคโปร์ ก็มีแนวโน้มลดลงอย่างชัดเจนตามทิศทางของตลาดโลกในช่วงเดียวกัน โดยลดลงจากประมาณ 95 ดอลลาร์ เหลือเพียงประมาณ 80 ดอลลาร์เท่านั้น
แต่ราคาน้ำมันไทยลดลงแค่นิดเดียว
แม้ราคาตลาดโลกจะลดลงมาก แต่ราคาน้ำมันหน้าปั๊มในไทยตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนกลับปรับลดลงเพียง 3 ครั้ง รวมแค่ 1.30 บาทต่อลิตรเท่านั้น
สาเหตุหนึ่งมาจากการที่รัฐบาลมีการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 โดยมีผลกับน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล์ และดีเซล ซึ่งแต่ละชนิดถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น 0.15 - 1.00 บาทต่อลิตร
รัฐอุดหนุนกองทุนน้ำมัน ที่ยังขาดทุนหนัก
หลังจากนั้น คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้มีมติปรับลดเงินส่งเข้ากองทุนในสัดส่วนที่เท่ากับการขึ้นภาษี เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน พร้อมพิจารณาค่าการตลาดให้เหมาะสม โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม 2568
ซึ่งจากข้อมูลล่าสุด กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงยังติดลบกว่า 45,000 ล้านบาท ทำให้ภาครัฐมีข้อจำกัดในการตรึงราคาน้ำมันได้อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าไปดูรายละเอียดของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พบว่า ฐานะของกองทุนน้ำมันเมื่อเปรียบเทียบจากเดือนมีนาคม ติดลบลดลงกว่า 15,000 ล้านบาท เหลือหนี้เพียง -372 ล้านบาทเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ในขณะที่หนี้กองทุนฯส่วนใหญ่ อยู่ที่กองทุน LPG หลายคนจึงตั้งคำถามว่า ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศไทยในปัจจุบัน ลดลงในสัดส่วนที่เหมาะสมกับการเคลื่อนไหวของราคาต้นทุนน้ำมันในต่างประเทศหรือไม่


