อดีตผู้ว่า สตง. “พิศิษฐ์” ยันไม่มีเอี่ยวออกแบบสร้างอาคาร
“พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส” อดีตผู้ว่า สตง. แจงไม่เกี่ยวข้องกับการออกแบบอาคาร ตนเพียงเลือกสถานที่ก่อสร้าง ยืนยันไม่ระเบียบให้ตรวจสอบประเด็นนอมินี
นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ให้การชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ในประเด็นเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ โดยยืนยันว่าตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องเพียงการเลือกสถานที่ก่อสร้างเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการออกแบบและก่อสร้างอาคาร
นายพิศิษฐ์เปิดเผยว่า ในฐานะอดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินระหว่างปี 2557-2560 ตนมีส่วนในการเลือกและกำหนดให้ใช้ที่ดินแปลงดังกล่าวเพื่อการก่อสร้างอาคารหลังใหม่ โดยมีเกณฑ์การพิจารณาเรื่องความเหมาะสมของพื้นที่ การหลีกเลี่ยงปัญหาน้ำท่วม และความสะดวกในการเดินทาง
เมื่อถูกสอบถามเกี่ยวกับภาพถ่ายที่ปรากฏร่วมกับนายปิง ลินวู และนายหลง เฉวียนวู นายพิศิษฐ์ชี้แจงว่า ภาพดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่มีการได้ผู้รับจ้างแล้ว โดยผู้รับจ้างหลักคือบริษัท อิตาเลียนไทย และมีบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์เท็น เป็นผู้ร่วมค้า ตนดูไม่ออกว่าเป็นใคร มาในฐานะอะไร พร้อมเสริมว่าหากไม่มีเหตุอันควรสงสัย บุคคลทั่วไปอาจไม่ได้เอะใจว่าผู้ที่มายืนข้างๆ หรือล้อมหน้าล้อมหลังจะมีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่
ส่วนประเด็นกิจการร่วมค้าและนอมินี นายพิศิษฐ์อธิบายว่า การมีกิจการร่วมค้าเป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ โดยบริษัทต้องมีผลงานไม่เกินกว่าร้อยละ 50 ของวงเงินงบประมาณ และผู้ร่วมค้าต้องเป็นบริษัทสัญชาติไทยที่จดทะเบียนในประเทศไทย
เกี่ยวกับประเด็นการมีนอมินีแอบแฝง นายพิศิษฐ์ชี้แจงว่า "ในขณะนั้นยังไม่มีระเบียบกำหนดว่าจะต้องไปตรวจสอบลึกขนาดนั้น" และยกตัวอย่างว่าแม้แต่พนักงานสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ที่เข้ามาตรวจสอบหลังเกิดเหตุตึกถล่ม อาจมีการจับกุมแต่ไม่สามารถส่งฟ้องได้ ซึ่งสะท้อนว่าการตรวจสอบเรื่องนอมินีไม่สามารถทำได้ด้วยตาเปล่า แต่ต้องพิสูจน์ผ่านเส้นทางการเงิน
ยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับการออกแบบอาคาร เนื่องจากตนได้พ้นจากตำแหน่งตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกพื้นที่ก่อสร้างเสร็จสิ้น โดยการออกแบบเกิดขึ้นในปี 2561-2562 และมีการทำสัญญาในปี 2563-2564 ซึ่งเป็นเวลา 3-4 ปีหลังจากที่ตนพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว


