น้ำท่วม67 : กรมชลฯระดมเครื่องผลักดันน้ำประจำจุดเสี่ยงรับพายุไต้ฝุ่นยางิ
กรมประทาน สั่งเตรียมเครื่องจักรกล เครื่องสูบน้ำ ผลักดันน้ำ ประจำจุดเสี่ยง รับพายุยางิ ส่วนอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวม48,710 ล้าน ลบ.ม. หรือ 64% ของความจุรับน้ำได้อีก 27,627 ล้านลบ.ม.
กรณีกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเรื่อง พายุไต้ฝุ่น “ยางิ”ฉบับที่ 11 คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ ประเทศจีน และขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนในวันที่ 7 ก.ย. 67 ทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมาก และลมกระโชกแรงบางแห่ง ในช่วงวันที่ 7-8 ก.ย. 67
ขณะที่ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า หลังพายุไต้ฝุ่นขึ้นฝั่งที่เวียดนามตอนบน ประมาณเช้าวันที่ 8 ก.ย. 67แล้ว คาดว่าวันที่ 8 – 13 ก.ย. 67 จะมีฝนตกเพิ่มพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (บริเวณแม่น้ำโขง) ภาคเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออก
ทั้งนี้ ได้มีการเตรียมพื้นที่รองรับน้ำในเขื่อนต่าง ๆ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ฝนไว้แล้ว รวมถึงจะมีการใช้พื้นที่หน่วงน้ำ เช่น ทุ่งบางระกำ บึงบอระเพ็ด เพื่อใช้ในการลดปริมาณน้ำที่จะไหลเข้าสู่เขื่อนเจ้าพระยาด้วย
ด้าน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ได้แจ้งเตือนพื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก รับสถานการณ์พายุไต้ฝุ่นยางิ ในพื้นที่ทั่วประเทศแยกเป็นรายภาคและจังหวัด ตามที่มีการนำเสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน รายงานสถานการ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา ประจำวันที่ 6 ก.ย.67 เวลา 07.00 น. เขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำแบบขั้นบันไดในอัตราระหว่าง 1,400 - 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที รองรับปริมาณน้ำจากทางตอนบนและฝนที่ตกเพิ่ม 3 - 9 กันยายน 2567 นี้
สถานี C2 อ.เมืองนครสวรรค์
ปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,496 ลบ.ม./วินาที
แนวโน้ม : ลดลง
ระดับน้ำ : ต่ำกว่าตลิ่ง 4.23 ม.
สถานี C13 เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท
ปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,498 ลบ.ม/วินาที
แนวโน้ม : ทรงตัว
ระดับน้ำท้ายเขื่อน : ทรงตัวจากเมื่อวาน
หากระดับน้ำทางตอนบนเพิ่มสูงขึ้น และส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น กรมชลประทานจะแจ้งให้ทราบเป็นระยะๆ ต่อไป
กรมชลประทานได้กำชับให้โครงการชลประทานและสำนักเครื่องจักรกล เตรียมพร้อมรับมือฝน โดยได้จัดเตรียมเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำ พร้อมเจ้าหน้าที่ประจำจุดพื้นที่เสี่ยง ให้สามารถช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนได้ทันที รวมทั้งให้พิจารณาปรับการระบายน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำในแต่ละพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำจากทางหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด
ขณะที่สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำรวมกัน 48,710 ล้าน ลบ.ม. หรือ 64% ของความจุอ่างฯ รวมกัน ยังสามารถรับน้ำได้อีก 27,627 ล้าน ลบ.ม.