คลังถอยแจกเงินเที่ยว1,500บาท อ้างไม่คุ้มค่า

รมว.คลังแจงถอยแจกเงินเที่ยว 1,500 บาท กระตุ้นเศรษฐกิจ ระบุเน้นมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยวงเงิน 13,180 ล้านบาท

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า คลังได้ปรับรายละเอียดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในวันที่ 30 เม.ย.นี้ เพื่อให้ตรงกลุ่มเป้าหมายและมีความคุ้มค่ากับเงินงบประมาณที่ใช้ให้มากสุด โดยมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจะไม่มีมาตรการแจกเงินให้คนละ 1,500 บาท 10 ล้านคน เพราะเมื่อพิจารณาแล้วโครงการนี้อาจไม่คุ้มค่า

อย่างไรก็ตาม มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว จะมีมาตรการทางภาษีลดหย่อนภาษีได้ 15,000 บาทต่อคน สำหรับการเที่ยวได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ และขยายระยะเวลาเปิดจุดให้บริการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มในกรุงเทพฯและปริมณฑลให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติออกไปอีก 6 เดือน ถึงเดือน เม.ย.-ก.ย. 2562

นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะเน้นการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย โดยจะเติมเงินให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถนำไปเงินไปใช้ดำรงชีพได้

ขณะเดียวกันจะมีมาตรการการช่วยเหลือด้านการศึกษาเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้ รวมถึงมาตรภาษีช้อปช่วยชาติ เพื่อให้นำค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการซื้ออุปกรณ์การศึกษา อุปกรณ์กีฬา หนังสือมาลดหย่อนภาษีเงินได้ในปีนี้ได้เพิ่มด้วย

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2562 ได้มีมติเห็นชอบให้ใช้เงินกองทุนประชารัฐฯ วงเงิน 13,180 ล้านบาท เพื่อเติมเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์สำหรับใช้รูดซื้อสินค้าหรือกดเป็นเงินสดแก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในช่วงกลางปีอีก 4 มาตรการ ระหว่างเดือนพ.ค.-ก.ย. 2562 ได้แก่ มาตรการแรกการแจกเงินให้ผู้พิการที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและมีบัตรประจำตัวผู้พิการ 1.1 ล้านคน วงเงิน 1,100 ล้านบาท โดยให้คนละ 200 บาทต่อเดือนตั้งแต่เดือนพ.ค.-ก.ย.2562 มาตรการเติมเงินค่าปุ๋ยและปัจจัยการผลิตให้เกษตรกรที่ถือบัตรคนจน 4 ล้านคน วงเงิน 4,000 ล้านบาท โดยจะแจกให้ครั้งเดียวคนละ 1,000 บาท

นอกจากนี้ยังมีมาตรการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้แก่ผู้ปกครองที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและมีลูกในช่วงเปิดเทอมจำนวนบุตร 2.7 ล้านคน รวม 1,300 ล้านบาท โดยจะแจกให้ครั้งเดียว 500 บาทต่อลูกหนึ่งคน แต่หากมีหลายคนก็จะได้รับเพิ่มขึ้น

สุดท้ายมาตรการลดค่าครองชีพแก่ผู้มีรายได้น้อยผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 14.5 ล้านคน วงเงิน 6,600 ล้านบาท โดยจะเติมให้ไปใช้จ่ายหรือกดเป็นเงินสดได้คนละ 500 บาทช่วงกลางปี