posttoday

LTFครบกำหนด2.2แสนล.

17 พฤศจิกายน 2561

"สมคิด" ส่งสัญญาณให้มี LTF ลดแรงกดดันตลาดหุ้นเปิดตัว หากไม่ต่อปี 2562 จะมีกองทุนครบกำหนดขายได้ 2.2 แสนล้าน

"สมคิด" ส่งสัญญาณให้มี LTF ลดแรงกดดันตลาดหุ้นเปิดตัว หากไม่ต่อปี 2562 จะมีกองทุนครบกำหนดขายได้ 2.2 แสนล้าน

ภายหลังจากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าใจจริงยังอยากให้มีกองทุนแอลทีเอฟ และได้กำชับให้กระทรวงการคลังพิจารณาข้อเสนอของสภาธุรกิจตลาดทุนไทยที่ยื่นเข้าไปเป็นพิเศษ ส่งผลให้ตลาดคาดกันว่ากองทุน LTF น่าจะยังคงได้รับการต่ออายุ

ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส (ASP) เปิดเผยว่า ความกังวลว่าจะมีการต่ออายุการลดหย่อนภาษีสำหรับกองทนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่จะหมดอายุในปี 2562 น่าจะคลายความกังวลลงหลังจากรัฐบาลแสดงความเห็นสนับสนุนให้มี LTF ต่อ แต่จะปรับยืดระยะเวลาจากปัจจัยที่ต้องถือครองนาน 7 ปีปฏิทิน

อย่างไรก็ตาม หากไม่มีการต่ออายุ LTF ก็คาดว่าจะกระทบต่อตลาดหุ้น เนื่องจากเม็ดเงินจากกองทุน LTF ถือเป็นแรงซื้อหลักของนักลงทุนสถาบันที่นำไปลงทุนในตลาดหุ้นไทย ซึ่ง ณ เดือน ก.ค. 2561 มีมูลค่ารวมกว่า 3.78 แสนล้านบาท จากกองทุนรวมหุ้นทั้งประเทศมีมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด 1.49 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 25.4%

นอกจากนี้ หากพิจารณาเฉพาะกองทุน LTF ที่ครบกำหนดขายได้ในปี 2562 โดยปรับมูลค่าตามราคาตลาด  แล้วพบว่าสูงถึง 2.2 แสนล้านบาท แบ่งเป็นเงินลงทุนในกองทุน LTF เมื่อปี 2558 ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2562 จำนวน 7.9 หมื่นล้านบาท น่าจะพร้อมขายได้ในปี 2562 เนื่องจากมีต้นทุนเฉลี่ยต่ำกว่าระดับดัชนีในปัจจุบัน โดยเงิน LTF ก้อนนี้จะมีต้นทุนเฉลี่ยที่ดัชนีระดับ 1,367 จุด อีกทั้งยังมีเงินลงทุนในกองทุน LTF ตั้งแต่ปี 2547-2557 ที่ครบกำหนด แต่ยังไม่ถูกไถ่ถอนอีกกว่า 1.42 แสนล้านบาทด้วย

อย่างไรก็ตาม หากมีการจัดตั้งกองทุนใหม่เพื่อทดแทนกองทุน LTF ที่จะหมดอายุในปี 2562 นี้ เชื่อน่าจะหนุนให้ราคาหุ้นในดัชนี THSI Index ซึ่งเป็นดัชนีที่คำนวณมาจากหุ้นของบริษัทจดทะเบียนที่มีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล อาทิ กสิกรไทย (KBANK) แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) ซีพีออลล์ (CPALL) อมตะ คอร์ปอเรชัน (AMATA) ปตท. (PTT) ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (EASTW) เป็นต้น เพราะฝั่งสภาตลาดทุนมีแนวคิดให้มีการจัดตั้งกองทุนตั้งใหม่ทดแทน แต่ให้หักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุด 20% ของเงินลงทุน แต่ไม่เกิน 1 แสนบาท และต้องลงทุนขั้นต่ำ 10 ปี (เดิมหลังปี 2559 เป็น 7 ปีปฏิทิน) โดยเม็ดเงินลงทุนที่ได้จากการซื้อกองทุนแบบใหม่นี้ 50% ของเงินลงทุน จะนำไปลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) ได้แก่ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFFIF) หุ้นที่อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืนของตลาดหลักทรัพย์ 79 บริษัท

ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดวันที่ 16 พ.ย. 2561 ที่ 1,635 จุด ลดลง 3.83 จุด มูลค่าซื้อขาย 37,141.19 ล้านบาท ต่างชาติขาย 303.56 ล้านบาท ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน 2.78 แสนล้านบาท สถาบันขาย 1,314.17 ล้านบาท พอร์ต บล.ขาย 447.53 ล้านบาท และรายย่อยขาย 2,065.26 ล้านบาท

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดผันผวนจากความไม่แน่นอนการเลือกตั้ง กังวลว่าจะเกิดขึ้นไม่ทันที่กำหนดไว้วันที่ 24 ก.พ. 2562 ส่วนสัปดาห์หน้าต้องติดตามตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไทยงวดไตรมาส 3 ประกาศวันที่ 19 พ.ย.นี้ ซึ่งคาดว่าตลาดหุ้นจะยังคงอยู่ในภาวะผันผวน