posttoday

เข้มเก็บภาษีราคาขายปลีก

24 มีนาคม 2561

กรมสรรพสามิตจับมือห้างและร้านสะดวกซื้อ ส่งข้อมูลราคาขายปลีกยันราคาผู้ประกอบการ เพิ่มประสิทธิภาพเก็บภาษี

กรมสรรพสามิตจับมือห้างและร้านสะดวกซื้อ ส่งข้อมูลราคาขายปลีกยันราคาผู้ประกอบการ เพิ่มประสิทธิภาพเก็บภาษี

น.ส.วิไล ตันตินันท์ธนา ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ภาษีสรรพสามิต กรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ในสัปดาห์หน้า นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมสรรพสามิต จะร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการสำรวจราคาขายปลีกสินค้าสรรพสามิตกับผู้แทนสมาคม ผู้ค้าปลีกไทย และผู้ประกอบการค้าปลีกสินค้าสรรพสามิต ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการสำรวจราคาขายปลีกสินค้าสรรพสามิต เพื่อให้การเก็บภาษีมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ที่ผ่านมากรมสรรพสามิตได้พัฒนาระบบไอทีเพื่อให้ผู้ประกอบการที่เซ็นความร่วมมือครั้งนี้ ไม่ว่า จะเป็นห้างเซ็นทรัล เดอะมอลล์ โลตัส บิ๊กซี รวมถึงร้านเซเว่น ส่งราคาขายปลีกของสินค้ามาให้กรมสรรพสามิตเพื่อตรวจสอบว่าตรงกับที่ ผู้ประกอบการแจ้งไว้หรือไม่

น.ส.วิไล กล่าวว่า กฎหมายสรรพสามิต ใหม่ที่เริ่มใช้มาตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2560 ได้เปลี่ยนการเก็บภาษีจากราคาหน้าโรงงาน หรือราคาสำแดงนำเข้ามาเป็นราคาขายปลีกแนะนำ ซึ่งผู้ประกอบการจะเป็นผู้แจ้งราคาขายปลีกด้วยตัวเอง และกรมสรรพสามิตจะตรวจสอบภายหลังว่าการแจ้งราคาขายปลีกตรงกับที่มีการขายจริงหรือไม่

สำหรับความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยการทำงานของเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตมากขึ้น เพราะไม่ต้องเสียกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจของผู้ประกอบการที่ให้ความร่วมมือ โดยระบบไอทีที่ทำขึ้นก็มีความทันสมัยเป็นระบบบาร์โค้ด ทางห้างสรรพสินค้าสามารถสแกนบาร์โค้ดสินค้าส่งเข้าระบบในกรมสรรพสามิตได้ทันที

อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่สำรวจ ราคาขายปลีกสินค้าสรรพสามิตยังต้องดำเนินการในร้านค้าประเภทอื่นที่ไม่ได้ร่วมมือในครั้งนี้ต่อไป แต่จะลดภาระหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ไปมาก เนื่องจากความร่วมมือครั้งนี้มีสัดส่วนของผู้ประกอบการขายสินค้าที่เสียภาษีสรรพสามิตจำนวนมาก ทำให้กรมสรรพสามิตให้เจ้าหน้าที่ไปพัฒนาการทำงานของกรมด้านอื่นได้เพิ่มมากขึ้น

น.ส.วิไล กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา 6 เดือนหลังใช้กฎหมายใหม่ยังไม่มีปัญหาเรื่องผู้ประกอบการแจ้งราคาขายปลีกไม่ตรงกับความเป็นจริง แต่เป็นหน้าที่ ของกรมสรรพสามิตที่จะต้องทำการตรวจสอบราคาขายปลีกในภายหลัง จึงมีการพัฒนาระบบไอทีและความร่วมมือดังกล่าว เกิดขึ้น และจะขยายความร่วมมือไปใน ผู้ประกอบการประเภทอื่นๆ มากขึ้น และคาดว่าในปีงบประมาณ 2561 กรมจะเก็บภาษีได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 6 แสนล้านบาท

สำหรับการเก็บภาษีกรมสรรพสามิตในรอบ 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 จัดเก็บได้ 2.2 แสนล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 274 ล้านบาท หรือ 0.1% โดยภาษีที่จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ ได้แก่ ภาษีรถยนต์จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 3,750 ล้านบาท หรือ 8.9% เนื่องจากปริมาณรถยนต์ที่ชำระภาษีสูงกว่าที่ประมาณการไว้ รายได้อื่นของ กรมสรรพสามิตจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 1,906 ล้านบาท หรือ 394.6% เนื่องจากการนำส่งเงินค่าใช้จ่ายจัดเก็บภาษีท้องถิ่นคืนเป็นรายได้แผ่นดินและภาษียาสูบจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ  1,871 ล้านบาท หรือ 7.3% อย่างไรก็ดี ภาษีน้ำมันฯ และภาษีเบียร์ จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 4,652 และ 2,204 ล้านบาท ตามลำดับ