posttoday

เงินเดือนน้อย หนี้เยอะ ก็ออมเงินได้นะ

19 มิถุนายน 2561

ไม่มีคำว่าสายสำหรับการทำเรื่องใดๆ ที่ดีกับชีวิตของเรา โดยเฉพาะเรื่องการเก็บออมเงิน ถ้ามีใจรักและคิดที่จะลงมือทำแล้วนั้น

เรื่อง กันย์ ภาพ pixabay

ไม่มีคำว่าสายสำหรับการทำเรื่องใดๆ ที่ดีกับชีวิตของเรา โดยเฉพาะเรื่องการเก็บออมเงิน ถ้ามีใจรักและคิดที่จะลงมือทำแล้วนั้น ไม่ว่าคุณจะเงินเดือนมากหรือเงินเดือนน้อยแค่ไหนก็เก็บเงินได้ทั้งนั้น ทุกอย่างต้องเริ่มที่ใจ หัดให้นิสัยมีวินัยแล้วลงมือทำ น้อยมากไม่ใช่ประเด็น การลงมือทำวันนี้เดี๋ยวนี้สิสำคัญ

ขออย่าคิดติดลบตัดกำลังใจตัวเองว่า แหม!! เงินเดือนก็น้อย หนี้ก็เยอะ ทำงานทั้งเดือนแทบไม่พอใช้ถึงปลายเดือน แล้วจะเอาที่ไหนมาเก็บ เปลี่ยนความคิดเสียใหม่ อย่าปล่อยให้อุปสรรคเหล่านี้มาเป็นตัวขัดขวางความมั่งคั่งของคุณ ไม่ต้องกลัวว่าเงินเดือนน้อย หนี้เยอะ เพราะทุกปัญหามีทางออกเสมอ มาดูวิธีการออมเงินที่ใครๆ ก็ทำได้แม้เงินเดือนน้อย หนี้เยอะกันดีกว่า

1.ปรับตารางการเงินเสียใหม่ สำรวจรายรับรายจ่ายในแต่ละเดือนเพื่อให้รู้สถานะทางการเงินที่แท้จริง จะได้วางแผนใช้เงินและออมเงินได้เหมาะกับตัวเอง เพราะมีหลายคนที่ออมเงินไม่ตรงกับสไตล์การใช้ชีวิต ทำให้เสียเงินไปกับเรื่องไม่จำเป็นและเป็นหนี้เพิ่มขึ้น เช่น บอกว่าให้ออมเงิน 10% ของเงินเดือน ซึ่งถ้าหากคุณมีเงินเดือนประมาณ 1.5 หมื่นบาท แต่มีหนี้เกินกว่า 40% ของเงินเดือน คือ 6,000 บาท เท่ากับเหลือเงินใช้ 9,000 บาท ซึ่งที่เหลือนี้คุณต้องจ่ายให้กับค่าใช้จ่ายประจำในแต่ละเดือนอย่างค่าบ้าน 3,000 บาท ค่าโทรศัพท์ 600 บาท ค่าน้ำค่าไฟ 800 บาท ส่งเงินให้ครอบครัว 2,000 บาท รวมๆ แล้วคุณเหลือเงินใช้ทั้งเดือนเพียง 2,600 บาทเท่านั้น ซึ่งเมื่อต้องหักเงินออม 10% ของเงินเดือนก่อนที่จะใช้จ่ายอย่างอื่น ก็เท่ากับว่าเงินในแต่ละเดือนของคุณติดลบและไม่พอใช้แน่นอน และอาจจะตามมาด้วยการเริ่มต้นเป็นหนี้ และคุณภาพชีวิตในแต่ละวันก็ไม่ดีด้วย เพราะต้องประหยัดอย่างถึงที่สุด ดังนั้นตรวจสอบสถานะทางการเงินของตัวเองก่อนที่จะเริ่มออมเงิน เพื่อจะได้หาวิธีที่เหมาะสมที่สุดกับตัวเอง ค่อยขยับปรับเปลี่ยนแล้วออมไม่ถึง 10% ในตอนแรก เมื่อปรับตัวได้ ลดค่าใช้จ่ายตรงอื่นแล้วจึงค่อยเพิ่มปริมาณไปเรื่อยๆ

2.เปลี่ยนไลฟ์สไตล์การใช้เงิน เมื่อรู้สถานะทางการเงินของตัวเองแล้ว ก็สำรวจพฤติกรรมของตัวเองด้วยเช่นกันว่ามีอะไรที่เป็นอุปสรรคต่อการเก็บเงิน อย่างเช่นชอบใช้เงินเกินตัวจนเป็นสาเหตุที่ทำให้มีหนี้สิน มีนิสัยชอบสร้างหนี้ ชอบใช้ของเกินฐานะและเป็นของที่ไม่จำเป็น ซึ่งจะต้องแก้ไขพฤติกรรมเหล่านี้โดยด่วน ตัดทอนการใช้จ่ายบางอย่างออกไป

3.เริ่มเก็บเงินจากจุดเล็กๆ ช่วงเริ่มต้นที่เงินเดือนไม่มากและยังมีหนี้สินล้นพ้นตัว อาจจะต้องเริ่มเก็บเงินจากสิ่งเล็กๆ ก่อน เช่น เงินเหรียญที่เหลือจากค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน หยอดใส่กระปุกออมสินเอาไว้ในทุกๆ วัน หรือเก็บเศษของเงินเดือนในแต่ละเดือน เช่น เงินเดือน 15,650 บาท ให้เก็บเอาไว้ 650 บาท เป็นต้น เป็นการเริ่มต้นออมเงินอย่างง่ายๆ ที่ไม่ทำให้คุณต้องลำบากมากนัก

4.จัดการหนี้สินอย่างเป็นระบบ อุปสรรคที่สำคัญอย่างหนึ่งของความมั่งคั่งก็คือหนี้สิน จึงต้องจัดการกับปัญหาหนี้สินให้เป็นระบบก่อน กัดฟันใช้หนี้จำนวนน้อยๆ ก่อน จะได้ลดภาระหนี้สินในเดือนต่อๆ ไปให้ลดน้อยลง เริ่มจากเมื่อได้เงินก้อนใหญ่อย่างโบนัส หรือเงินจากการทำงานพิเศษ ให้นำมาปิดหนี้สินที่มียอดน้อยๆ ก่อน ส่วนหนี้ที่มียอดสูงๆ ก็จ่ายเพียงขั้นต่ำไปก่อนเพื่อประคองตัว จากนั้นเมื่อหนี้สินก้อนเล็กๆ หมดไป ก็จะทำให้เหลือเงินในแต่ละเดือนเยอะขึ้น และค่อยทยอยจ่ายหนี้ก้อนใหญ่ต่อไป

5.ประหยัดให้มากขึ้น จากการประหยัดค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ เช่น ปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็น ประหยัดน้ำ เพื่อลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าน้ำค่าไฟประจำเดือน ใช้โทรศัพท์แบบเติมเงินแทนการใช้รายเดือน และใช้เท่าที่จำเป็น ซื้อกับข้าวมาทำเอง และทำอาหารไปกินที่ทำงาน อร่อยแถมยังได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์อีกด้วย เลือกซื้อของลดราคา แต่ต้องพิจารณาดูแล้วว่าเป็นของที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อของเข้าบ้านได้อีกเพียบ

6.แบ่งเงินใช้ให้พอดีเป็นวันๆ เช่น วันละ 350 บาท อย่าพกเงินติดตัวทีละเยอะๆ แต่ละวันหยิบเงินมาใช้แค่จำนวนพอดี เพื่อบังคับให้ใช้เงินเท่าที่จำเป็นในจำนวนเงินที่มีอยู่ หลายคนเวลาเข้าร้านสะดวกซื้อเพราะตั้งใจซื้อของแค่อย่างเดียว แต่เมื่อเข้าไปในร้านก็อดไม่ได้ที่จะหยิบของชิ้นอื่นๆ เพิ่ม ดังนั้นหยิบเงินไปแค่พอซื้อของที่ต้องการก็พอ

7.หารายได้เพิ่ม ถ้ารายได้น้อยไม่ค่อยพอกับค่าใช้จ่าย ต้องหารายได้เสริมเพื่อให้มีเงินมากขึ้น โดยอาจจะเริ่มจากงานเสริมพาร์ตไทม์ช่วงเย็นหลังเลิกงานหรือช่วงเสาร์-อาทิตย์ หากมีความรู้พิเศษเฉพาะทางก็สามารถรับงานฟรีแลนซ์มาทำได้ เพื่อให้มีเงินเพียงพอกับค่าใช้จ่าย เสริมสภาพคล่องในแต่ละเดือนให้มากขึ้น

8.ตั้งเป้าเงินออม สัญญากับตัวเองไว้ว่าภายใน 1 ปีจะต้องมีเงินเก็บเท่าไหร่ เพื่อที่จะได้มีแรงจูงใจในการเก็บเงิน โดยอาจจะทำเป็นสมุดจดบันทึกเพื่อให้เห็นพัฒนาการของจำนวนเงินเก็บในแต่ละวันหรือแต่ละสัปดาห์เพิ่มมากขึ้นแค่ไหน และต้องเก็บเงินอีกเท่าไหร่จึงจะถึงเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ ทำไปเรื่อยๆ ก็จะติดนิสัยรักการออมได้ในที่สุด