จ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต หรือ PayPal ดีกว่ากัน!!

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในวันนี้ ได้นำพาเรามาถึงจุดที่ว่า การจ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการทางอินเทอร์เน็ต หรือที่เรียกว่า E-commerce นั้น มีได้หลากหลายช่องทาง ซึ่งวิธีเด่นๆ ที่คนให้ความนิยมในปัจจุบันนั้นได้แก่ การใช้จ่ายผ่าน บัตรเครดิต และการจ่ายผ่าน PayPal วันนี้ทาง MoneyGuru ขอเสนอบทความเพื่อชี้ว่า การจ่ายเงินทั้งสองแบบนั้น แบบไหนมีความปลอดภัยกว่ากัน มีข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างไร

ค่าธรรมเนียม

บัตรเครดิต
คุณไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อคุณซื้อของผ่านบัตรเครดิต เพราะธนาคารของผู้ประกอบการจะเป็นผู้แบกรับภาระค่าธรรมเนียมในการแลกเปลี่ยน (Interchange fee) ให้แก่ธนาคารของลูกค้า และผู้ให้บริการเครือข่ายบัตรเครดิตเอง ซึ่งอยู่ที่ราวร้อยละ 2.9

PayPal
สำหรับค่าธรรมเนียมนั้น PayPal คิดในร้อยละที่พอๆ กัน เพียงแต่ผู้ที่แบกรับภาระในส่วนนั้น ซึ่งหากร้านค้าใด รับเพียงแต่ PayPal และไม่รับบัตรเครดิต ผู้ที่แบกรับภาระคือในส่วนค่าธรรมเนียมคือผู้ประกอบการ แต่หากมีทางเลือกสองทางเลือก และลูกค้าเลือกที่จะจ่ายผ่าน PayPal ทางลูกค้าจะเป็นคนเสียค่าธรรมเนียมในส่วนนั้นเอง

ความปลอดภัย

บัตรเครดิต
หลังจากที่มีข่าวคราวเกี่ยวกับการแฮคข้อมูลในบัตรเครดิตอยู่บ้าง ทำให้ผู้คนเริ่มใส่ใจว่า การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตนั้นปลอดภัยจริงหรือไม่ ซึ่งจริงๆ แล้ว ความปลอดภัยในการใช้บัตรเครดิตนั้น ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีพอสมควร โดยบัตรเครดิตส่วนมากจะมีระบบเตือนภัยเบื้องต้น หากมีการใช้จ่ายที่ผิดปกติ ระบบจะระงับการดำเนินใช้จ่ายของบัตรนั้นทันที จนกว่าเจ้าของบัตรจะติดต่อกลับไป ซึ่งบางคนอาจถือว่า เป็นเรื่องที่ไม่สะดวก เพราะบางทีเราเดินทางไปเที่ยว แต่กลับถูกระงับเพราะมีการใช้จ่ายที่ผิดปกติเป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม ก็ถือเป็นการสร้างความปลอดภัยชั้นหนึ่งให้ลูกค้า นอกจากนี้ บางบัตรเครดิต ยังให้บริการประกันโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย หากคุณมีการสั่งซื้อของออนไลน์ และสินค้าชำรุดระหว่างขนส่ง คุณจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เลย เป็นต้น

PayPal
การจ่ายเงินทาง PayPal ก็ค่อนข้างปลอดภัยเช่นเดียวกัน โดย PayPal มีบริการ Security Key Service เพื่อสร้างความปลอดภัยให้แน่นหนามากขึ้น  โดยทาง PayPal สามารถส่งรหัสยืนยัน เข้ามือถือของคุณ ก่อนการใช้จ่าย ซึ่งถือว่ามีความปลอดภัยในการยืนยันตัวบุคคลเจ้าของบัญชีพอสมควร

นอกจากนี้ PayPal ยังมีนโยบายที่ชื่อว่า "Eligible Unauthorized Use” ซึ่งหมายความว่า หากคุณซื้อสินค้าแล้ว แต่คุณไม่ได้รับสินค้า หรือได้รับสินค้า แต่คุณไม่ได้สั่ง คุณจะไม่ต้องจ่ายเงินเลย เพียงแต่ว่าคุณต้องแจ้งต่อทาง PayPal ทันทีที่คุณรู้เรื่องเท่านั้น

ข้อแนะนำ

การจ่ายเงินของทั้งสองวิธี มีข้อดี และข้อเสียที่แตกต่างกัน แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล ซึ่งข้อแนะนำที่เหมือนกันของทั้งสองวิธีการใช้จ่ายนั้นคือ คุณควรเก็บข้อมูลส่วนบุคคลให้ดีที่สุด อย่าเผยแพร่ให้ใครรู้ อย่าใส่ข้อมูลส่วนบุคคลลงในเว็ปไซต์ที่สุ่มเสี่ยง หรือขาดความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ข้อมูลที่สำคัญๆ อย่าง Username และ Password ก็ควรเปลี่ยนบ้างนานๆ ที ก็จะช่วยเพิ่มความปลอกภัยให้มากขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก