posttoday

SSP ทุ่ม 500 ล้านบาท  เทกฯโรงไฟฟ้าชีวมวล 9.9 MW หนุนกำลังผลิตไฟฟ้าปีนี้ทะลุ 200 MW

02 มิถุนายน 2564

บอร์ด SSP ไฟเขียวทุ่ม 500 ล้านบาท ซื้อโรงไฟฟ้าชีวมวล 9.9 MW ในจังหวัดนครราชสีมา หนุนกำลังการผลิตไฟฟ้าปี 64 เกิน 200 MW ผลักดันผลงาน All Time High ต่อเนื่อง เดินหน้าได้ตามเป้าหมาย สู่ผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนครบวงจร

นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SSP) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 มีมติอนุมัติเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดกำลังการผลิต 9.9 เมกกะวัตต์ โดยการซื้อหุ้นทั้งหมดในบริษัท ยูนิ พาวเวอร์ เทค จำกัด (ยูพีที) จากผู้ถือหุ้นของยูพีที รวมถึงสิทธิในการรับชำระหนี้เงินกู้ในส่วนที่ยูพีทียังคงค้างชำระแก่ผู้ถือหุ้นของยูพีทีด้วย มูลค่าลงทุนรวม 500 ล้านบาท 

โดยคาดว่าจะเข้าทำรายการเพื่อให้ได้มาซึ่งหุ้นของยูพีที จำนวน 119,070 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1,000 บาท คิดเป็นสัดส่วน 49% ภายในเดือน กรกฎาคม 2564 และคาดว่าจะเข้าทำรายการเพื่อให้ได้ ซึ่งหุ้นของยูพีทีจำนวน 123,930 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1,000 บาท คิดเป็นสัดส่วน 51%  ภายในเดือนพฤษภาคม 2565 รวมเป็นการเข้าซื้อหุ้นของยูพีทีทั้งสิ้นจำนวน 243,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 100% 

สำหรับผู้ถือหุ้นของ "ยูนิ พาวเวอร์ เทค"  ได้แก่ บริษัท แอ๊บโซลูท โปรดักส์ จำกัด บริษัท เวอร์ติคอล โฮลดิ้งส์ จำกัด นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล นายธนวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล นายปิยวัฒน์ ไกรพิสิทธิ์กุล และนางสาวธัณฐภรณ์ ไกรพิสิทธิ์กุล

ทั้งนี้ บริษัท ยูนิ พาวเวอร์ เทค จำกัด (ยูพีที) ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานชีวมวล โดยดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดกำลัง 9.9 เมกกะวัตต์ ตั้งอยู่ ณ ตำบลสี่คิ้ว อำเภอสี่คิ้ว จังหวัดนครราชสีมา โดยเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2562 มีระยะเวลาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเป็นจำนวน 20 ปีนับแต่วัน COD

บริษัทฯ คาดว่าการลงทุนในครั้งนี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อบริษัทฯและผู้ถือหุ้น เนื่องจากเป็นการลงทุนตามเป้าหมายของบริษัทฯ ที่มุ่งเน้นการขยายการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนครบวงกจร ทั้งจากพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และชีวมวล  

โดยโครงการดังกล่าวมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับภาครัฐและเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว  มีผลประกอบการที่ดี ลดความเสี่ยงจากการพัฒนาโครงการไม่สำเร็จ และสามารถรับรู้รายได้ทันที อายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้าคงเหลือประมาณ 18 ปี ประกอบกับนโยบายภาครัฐให้การสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนอื่นอย่างเต็มที่

“มั่นใจว่าการเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าชีวมวลในครั้งนี้จะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า ในเบื้องต้นได้มีการประเมิน IRR แล้ว คาดว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนสูงถึง 10% และคาดจะถึงจุดคุ้มทุนภายใน 7 ปี ราคารับซื้อไฟฟ้ารูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ที่ 4.50 บาท/หน่วย โดยขณะนี้เหลือระยะเวลาสัมปทานอีก 18 ปี  และการลงทุนในครั้งนี้จะทำให้ SSP สามารถรับรู้รายได้และกำไรจากการจำหน่ายไฟฟ้าเข้ามาทันที” นายวรุตม์ กล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SSP กล่าวอีกว่า การเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าชีวมวลของ SSP ในครั้งนี้ เป็นไปตามเป้าหมายของบริษัทฯ ที่ต้องการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนแบบครบวงจร  อีกทั้งบริษัทฯ ยังคงมองหาการลงทุนในทุกรูปแบบที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่าต่อไป  และจากการลงทุนในครั้งนี้ มั่นใจว่าจะผลักดันกำลังการผลิตไฟฟ้าในปีนี้ทะลุ 200 เมกะวัตต์ได้ 

โดยในช่วงไตรมาส 3-4 ปีนี้ เตรียมที่จะ COD โรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มในประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ และวินด์ฟาร์มในประเทศเวียดนาม กำลังการผลิต 48 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ 143 เมกะวัตต์ และวางเป้าหมายในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า กำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 400 เมกะวัตต์ ผลักดันผลการดำเนินงานสร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง